Aston Martin DB5 สุดยอดรถสปอร์ตในตำนานของค่ายรถยนต์เมืองผู้ดีที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 1963 ในงานมหกรรมยานยนต์ Frankfurt Motor Show จนนับว่าครบรอบ 60 ปีบริบูรณ์ของรถสปอร์ตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ทั้งบทบาทบนจอเงินอันเรื่องชื่อภายใต้ภาพยนตร์ซีรีย์ดังอย่างพยัคร้าย 007 หรือ James Bond
หากย้อนกลับไปในงานมหกรรมยานยนต์ยังมีค่ายรถยนต์คู่แข่งจากเมืองเบียร์อย่าง Porsche ที่ได้เปิดตัวรถต้นแบบอันเป็นต้นตระกูลของรถสปอร์ตรหัส 911 ในตำนานภายใต้ชื่อรุ่น Type 901 จนกลายเป็นอีกหนึ่งรถสปอร์ตคู่ขวัญที่มีต้นกำเนิดในยุคเดียวกัน และหากเทียบกับรถยนต์ของค่ายที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้จะพบว่ารุ่น DB12 ที่ทางค่ายให้นิยามว่าเป็นรถประเภท “Super Grand Tourer“ รุ่นแรกของโลกด้วยสมรรถนะที่เต็มเปี่ยมพร้อมที่จะขับเคี่ยวกับบรรดารถซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย โดยที่ยังมอบความสบายยามเดินทางไม่แพ้รถยนต์หรูทั่วไป
ขุมพลังที่ทางค่าย Aston Martin ได้เลือกใช้ในปี 1963 เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงความจุ 3.8 ลิตรของรถยนต์รุ่นก่อนหน้าอย่าง DB4 จนได้รับการขยายความจุเป็นขนาด 4.0 ลิตร ที่พกพละกำลังสูงสุดกว่า 282 แรงม้านับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแรงระดับ หัวแถวแห่งยุค 1960 ในเวลานั้น พร้อมด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ค่าย Aston Martin สามารถพาดหัวแคตตาล็อกของรถยนต์รุ่น DB5 ได้ว่า “นี่คือรถสปอร์ต 4 ที่นั่งในรูปแบบตัวถัง Coupe ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากที่สุดในโลก” อีกทั้งยังเพรียบพร้อมด้วยออฟชั่นสุดทันสมัยในยุคนั้น โดยเฉพาะระบบปรับอากาศและกระจกประตูปรับด้วยไฟฟ้า
Aston Martin ได้ผลิตรถสปอร์ตในตำนานรุ่นเป็นจำนวนเพียงแค่ 887 คันในรูปแบบรถ Coupe หลังคาแข็งและจำนวน 123 คันในรูปแบบรถเปิดประทุน Convertibleรวมไปถึงเวอร์ชั่นสั่งทำพิเศษในแบบท้ายลาดแวกอนหรือ Shooting Brake อีกจำนวนเพียงแค่ 12 คัน ซึ่งในจำนวนจำกัดเพียงนี้ มีเหล่าดาราและคนดังอย่าง Sir Paul McCartney และ George Harrison แห่งวง The Beatles รวมไปถึง Mick Jagger จากวง Rolling Stones พร้อมด้วย Robert Plant จาก Led Zeppelin และ Jay Kay จาก Jamiroquai รวมไปถึงดาวตลกอย่าง Peter Sellers และแฟชั่นดีไซเนอร์อย่าง Ralph Lauren
สิ่งที่น่าเสียดายได้แก่อายุการตลาดที่ค่อนข้างสั้นเพียงแค่ 2 ปีของเมื่องานมหกรรมยานยนต์ London Motor Show ในปี 1965 ทางค่าย Aston Martin ได้เปิดตัว DB6 และมียอดผลิตเป็นจำนวนกว่า 1,788 คัน ก่อนที่จะปิดสายพานการผลิตในปี 1970
ที่มา: Motor1