ขณะที่น้องเล็กเปิดตัวในวันที่ 1 กันยายน 2023 ตัวพี่ที่สร้างความนิยมใหม่ให้กับแบรนด์ในฐานะ SUV 5 ประตู รุ่นเดียวของค่ายก็ถือฤกษ์งามยามดีเปิดตัวไปพร้อมกันทีเดียว โดย Mini เลือกใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกันกับ BMW iX1 ซึ่งนั่นทำให้  Mini Countryman เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้ ถูกย้ายมาผลิตที่โรงงานในเมือง Leipzig ประเทศเยอรมันตั้งแต่ต้นปี 2024 นี้

 

ภายนอกใช้การออกแบบร่วมกันกับรุ่นน้อง Cooper E / SE ถึงแม้จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานคนละเวอร์ชั่นกัน แต่ได้ปรับให้ไฟหน้าเป็นแบบขอบเหลี่ยมเพื่อเสริมภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นปรับรูปแบบไฟ DRL ได้ 3 แบบเช่นเดียวกับ Cooper นอกเหนือไปจากกระจังหน้าทรง 8 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งเรดาร์ด้านล่าง เพื่อทำงานร่วมกันกับระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบอัตโนมัติระดับที่ 2

 

ด้านข้างมาพร้อมกับเส้นสายที่มีความทันสมัยประดิษฐ์รถยนต์ต้นแบบฉีดจากรุ่นปัจจุบันโดยเฉพาะการตกแต่งเสา c ด้วยวัสดุสีสันสดใส ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมเช่นเดียวกับรุ่นน้องเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ตัวรถมีความกว้างมากกว่าปกติ

 

หน้าจอกลางชนิด OLED ชุดใหม่ที่ใช้ร่วมกันกับรุ่น Cooper ขนาด 9.44 นิ้ว ที่ออกแบบให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลทั้งหมดไว้ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นจอมาตรวัดผู้ขับขี่ การเชื่อมต่อและการเล่นเพลง สถานะต่างๆของตัวรถรวมไปถึงแผนที่ พร้อมด้วยคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุผ้าหลากสีขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย

 

ทั้งหมดนี้ทำงานภายใต้ระบบ Mini Operating System 9 พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัว หรือ “Hey Mini” ที่คอยจัดการฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆภายในตัวรถให้เข้าถึงผู้ขับขี่ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มฟังก์ชันการปรับเลื่อนเบาะแถวหลังเป็นระยะสูงสุด 130 มิลลิเมตร เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการโดยสารหรือการขนสัมภาระที่บริเวณด้านท้ายรถ ตอนนี้ยังมาพร้อมหลังคากระจก panoramic แบบแยกส่วน

 

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 460 ลิตรและสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1,450 ลิตรหากพับเบาะแถวหลังแบนราบเรียบ นอกจากนี้ที่บริเวณด้านท้ายยังมีกล่องเก็บสายชาร์จเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

ทั้งหมดนี้แบ่งการตกแต่งเป็น 4 รุ่นย่อยเช่นเดียวกับรุ่นน้องได้แก่ Essential Classic Favoured และ JCW ซึ่งวัสดุที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นได้แก่ วัสดุหุ้มเบาะ คอนโซล การตกแต่งบริเวณพวงมาลัย รวมไปถึงทริมบริเวณประตูทั้งหมด ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามีให้เลือก 2 ระดับความแรง ดังนี้

รุ่น Countryman E

ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 54 kWh ให้พิสัยการเดินทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ 462 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จได้ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 130 kW และไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 22 kW

  • อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.6 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.

รุ่น Countryman SE All4

ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 433 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 64 kWh ให้พิสัยการเดินทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ 433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จได้ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 130 kW และไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 22 kW

  • อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.6 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

 

หากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมในการทำตลาดของ Countryman E / SE ALL4 ในประเทศไทยทาง Headlightmag จะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา: Motor1