หลังจากประกาศกลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนในอนาคตภายในปี 2030 โดยตั้งเป้าให้ยอดขายร่วมอัตราส่วนกว่า 80% เกิดจากรถ EV เหลือไว้เพียงรถสปอร์ตรุ่นเก๋าในตำนานของทางค่ายอย่าง 911 เท่านั้น เนื่องจากมีแผนในการนำเชื้อเพลิงสังเคราะห์มาใช้ทดแทนกับขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน เที่ยงคงติดตั้งในรถรุ่นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การผลักดันนโยบายการใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์จะต้องได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป เพื่อให้มีปริมาณการใช้งานที่มากพอต่อการลงทุนการผลิตในรูปแบบเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่ในเชิงการทดลอง โดยทางค่าย Porsche คาดว่าจะสามารถผลักดันการใช้งานเชื้อเพลิงสังเคราะห์ได้สำเร็จและใช้ได้จริงภายหลังปี 2035 ซึ่งในปัจจุบันทาง Porsche ได้ลงทุนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมไปถึงสถานที่สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์นามว่า HIF Global จากความร่วมมือกับบริษัท Siemens ในประเทศชิลี

 

เมื่อพิจารณายอดขายของรถยนต์ทั้งหมด จะพบว่ารถยนต์ทุกรุ่น อย่างรถอเนกประสงค์ รุ่น Macan รถสปอร์ตอย่าง 718 รวมไปถึงรถที่ขายดีที่สุดอย่าง Cayenne ถูกกำหนดไว้ให้ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วน ภายในปี 2030

เชื้อเพลิงสังเคราะห์หรือเป็นผลผลิตจากการนำไฮโดรเจนที่สร้างจากพลังงานสะอาดและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาทำปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อให้ได้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนหรือเชื้อเพลิงแก๊สโซลีนที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้จะให้ผลผลิตออกมาเป็นไอเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เปรียบเสมือนวัฏจักรสมดุลคาร์บอนซึ่งนับว่าเป็นทางออกของเครื่องยนต์สันดาปภายในในยุคหน้า

 

ในปัจจุบันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ในวงการอากาศยานและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต่างพากันมุ่งสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วนโดยไม่มีการสนับสนุนและผลักดันการใช้เทคโนโลยีเชื้อเพลิงสังเคราะห์ดังกล่าว

ทั้งนี้ หากปริมาณการใช้งานของเชื้อเพลิงสังเคราะห์ไม่มีจำนวนมากพอ ราคาของเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่สูงกว่าราคาจำหน่ายของเชื้อเพลิงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ย่อมสร้างข้อจำกัดให้กับวงการรถยนต์ ที่จะมีเพียงรถสปอร์ตราคาแพงลิ่วและรถยนต์หรู ที่สามารถขายเอกลักษณ์ความเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในให้กับกลุ่มลูกค้าระดับมหาเศรษฐีของโลกเท่านั้น

ที่มา: Autoblog