Fiat Panda เป็นหนึ่งในรถยนต์ซูเปอร์มินิที่มีอายุทางการตลาดเก่าแก่รุ่นหนึ่งในภูมิภาคยุโรป เมื่อครั้งแรกที่เปิดตัวในปี 1980 ก็ได้สร้างปรากฏการณ์หน้าใหม่ให้กับแบรนด์ และสร้างเอกลักษณ์ให้กับรถยนต์แฮทช์แบคขนาดย่อมที่เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักมากกว่างานออกแบบที่โฉบเฉี่ยว นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เปิดตัวในปี 1983 หรือ 3 ปีหลังจากเวอร์ชั่นปกติวางจำหน่าย
ดังนั้นในปี 2023 นี้ จึงนับเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของ Fiat Panda ในรูปแบบตัวลุยไซส์มินิ ทางค่ายจึงได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ Fiat Panda 4×40° Limited Edition และจะมีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 1,983 คัน หรือเท่ากับตัวเลขของปีที่เปิดตัวครั้งแรก หลังจาก Fiat ได้ผลิตเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อของ Panda ไปแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 800,000 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของรถยนต์ซูเปอร์มินิ หรือ A-segment ในเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดการทำตลาดของรถยนต์ประเภทนี้
งานออกแบบภายนอกของรุ่นพิเศษนี้ จะเริ่มด้วยการนำรุ่นพื้นฐานหรือ Panda Cross มาแต่งองค์ทรงเครื่องเพิ่มเติม ด้วยสีตัวถังสีขาวงาช้าง Ivory ตกแต่งฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา ที่เข้าชุดกับล้อเหล็กพร้อมฝาครอบสีดำทรงเรโทรขนาดวงล้อ 15 นิ้ว นอกจากนี้ด้านข้างตัวรถ ยังมีการติดสติ๊กเกอร์ 4×40° สีแดงไว้ที่ชายล่างประตูหลัง เช่นเดียวกับบริเวณเสา B ที่ติดตั้งเพลทบ่งบอกความมิเศษหรือ 4×40°
ภายในมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าสีเดียวกับสีภายนอกหรือสีงาช้าง พร้อมปีกเบาะนั่งสีดำ และมีการตัดความเรียบง่ายด้วยการเดินด้ายสีแดง เช่นเดียวกับการประดับประดาไปด้วยชื่อรุ่นพิเศษ 4×40° และ ตัวเลข 2023 สีแดงประทับนูนไปที่เบาะนั่ง โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลตามจุดที่เป็นผ้าทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นพื้นฐานครบครัน อย่างกระจกมองข้างติดตั้งระบบไล่ฝ้าพร้อมปรับและพับด้วยไฟฟ้า เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบเซ็นเซอร์เพื่อการทำงานของใบปัดน้ำฝนโดยอัตโนมัติ ในส่วนของความบันเทิง มาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ and Apple CarPlay หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้
Fiat เตรียมวางจำหน่าย Panda 4×40° ในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอแลนด์และเยอรมัน นอกจากนี้ ยังเตรียมยืดอายุตลาดของ Panda เจเนอเรชั่นปัจจุบันที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งอาจทำให้สายพานการผลิตในโรงงานที่เมือง Pomigliano ประเทศอิตาลี ยังต้องเดินสายพานการผลิตซูเปอร์มินิยอดนิยมจนกระทั่งถึงปี 2026
ที่มา: Motor1