หลังจากเปิดตัวมาแล้วกว่า 7 ปี ตลอดอายุตลาดที่ Volkswagen Tiguan ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถพิชิตยอดขายในกลุ่ม Compact crossover ในตลาดยุโรปได้เป็นอย่างดี ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่จุใจกว่าใครเพื่อน พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารโอ่โถงเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง จนถึงตอนนี้ ก็ถึงเวลาของเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน MQB Evo platform ร่วมกับ Golf VIII และจะพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2024 นี้

 

เมื่อดูจากรูปทรงของรถทดสอบที่พรางตัวอย่างแน่นหนา โดยเลือกใช้ลวดลาย QR code นำมาขยายปกคลุมพื้นที่ตัวรถทั้งหมด โดยเหลือไว้ให้เห็นเพียงกระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้ายบางส่วน อย่างไรก็ตาม พอจะสังเกตเห็นได้ว่าขนาดของตัวรถมีความใหญ่โตกว่ารุ่นปัจจุบัน รวมไปถึงมีการปรับเส้นสายให้เป็นทรงโฉบเฉี่ยว ลดความเห็นเหลี่ยมสันลงไปพอสมควร โดยมีความคล้ายคลึงกับรถ SUV ขุมพลังไฟฟ้าล้วนอย่าง ID.4

ภายนอกได้รับการติดตั้งไฟหน้าแบบ HD matrix LED ที่สามารถส่องสว่างได้ไกลสุดถึง 500 เมตร ด้วยหลอด LED ขนาดจิ๋วเป็นจำนวนกว่า 19,200 หลอด ที่สามารถควบคุมลำแสงให้แปรผันตามสภาวะท้องถนนและผู้ร่วมใช้ทาง พร้อมด้วยไฟท้ายแบบ Full LED light bar ตามสมัยนิยม

 

สำหรับข้อมูลด้านมิติตัวถังที่ทาง Volkswagen ได้เผยรายละเอียดบางส่วน จะพบว่า Tiguan เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้ ยาวกว่ารุ่นปัจจุบันอยู่ 32 มิลลิเมตร เป็น 4,551 มิลลิเมตร สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร เป็น 1,640 มิลลิเมตร ขณะที่ความกว้างและระยะฐานล้อยังคงเดิมที่ 1,939 และ 2,681 มิลลิเมตร ตามลำดับ

ใครที่รอรุ่นฐานล้อยาว 3 แถว 7 ที่นั่ง อย่าง Tiguan Allspace คงต้องรอเปิดตัวรุ่นใหม่หมดจดพร้อมชื่อคุ้นหูนามว่า Tayron หลังจากได้รับการรายงานว่าทาง Volkswagen ต้องการทำตลาดแยกรุ่น โดยชื่อรุ่นนี้ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในรถโมเดลที่ทำตลาดเฉพาะในจีนเท่านั้น แต่ในเจเนอเรชั่นใหม่นี้ จะมีเวอร์ชั่นของภูมิภาคยุโรปเอง ซึ่งจะผลิตขึ้นที่โรงงานในเยอรมัน ในฐานะฝาแฝดกับ Skoda Kodiaq รุ่นที่ 2 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้

 

สำหรับภายในที่ได้รับการอัพเกรดจากรุ่นปัจจุบันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลความบันเทิงที่มีขนาดให้เลือกทั้ง 12.9 และ 15 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อย ขณะที่หน้าจอมาตรวัดแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานคู่กับจอ Head-up display สะท้อนไปบนกระจกบังลมหน้าขนาดใหญ่ พร้อมจอ OLED ควบคุมโหมดการขับขี่และระบบเครื่องเสียงแบบสัมผัส รวมไปถึงไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร

ห้องเก็บสัมภาระที่ขยายความจุเป็น 648 ลิตร ซึ่งมากกว่ารุ่นปัจจุบันอยู่ 33 ลิตร ขณะที่พื้นที่เหนือศีรษะ (headroom) ของผู้โดยสารตอนหน้าและหลังก็เพิ่มขึ้นกว่า 9 มิลลิเมตร และ 10 มิลลิเมตร ตามลำดับ พร้อมออฟชั่นเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารคู่หน้าติดตั้งระบบนวดและสามารถปรับได้มากสุดถึง 14 ทิศทาง รวมไปถึงระบบอุ่นเบาะและระบบระบายความร้อนที่สามารถปรับแรงลมได้โดยอัตโนมัติตามอุณหภูมิภายนอก

 

ขณะที่ขุมพลังที่มาพร้อมทางเลือกครบครันทั้งเบนซิน ดีเซล และเบนซิน Plug-in hybrid ที่มีความแรงให้เลือกตั้งแต่ 201 ไปจนถึง 268 แรงม้า และยังสามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ได้ไกลสุด 120 กิโลเมตร พร้อมระบบชาร์จเร็วทั้งไฟบ้านกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและ 4 ล้อ 4Motion ให้เลือกเช่นเดิม และยังมีช่วงล่างอัจฉริยะ Dynamic Chassis Control Pro เป็นออฟชั่นที่ติดตั้งโคอัพรองรับการตอบสนองรวดเร็วและให้ความสบายยามขับขี่ที่ดีกว่า

สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายของ Next-gen Tiguan จะมีขึ้นภายในต้นปี 2024 ภายหลังการเปิดตัวในเร็วๆ นี้

ที่มา: Motor1