ถึงสถานการณ์เครื่องยนต์ดีเซลฉาวจะยังสาหัสอยู่แต่ทาง Volkswagen ยังไม่ยอมแพ้ต่อมรสุมครั้งนี้
และยังเปิดตัว Scirocco รุ่นตกแต่งพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับ Scirocco ในชื่อรุ่น Black Edition
ซึ่งมีให้เลือกสองรุ่นย่อยที่มาจากสองรุ่นกลาง ภายใต้การตกแต่งแบบง่ายๆด้วยการขลิบดำรอบคันและให้
ล้อลายพิเศษ สงวนสิทธิ์ให้ลูกค้าเกาะอังกฤษเท่านั้น
ภายนอกเลือกสีสันของตัวถังได้ตามปกติแต่หลังคา, กระจกมองข้าง, spoiler หลัง, และล้ออัลลอยจะพ่น
สีดำเงามาให้ ในขณะที่กระจกบานหลังจะติดฟิล์มที่ดำกว่าปกติมาให้ด้วยส่วนความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่น
ย่อยระหว่าง GT และ R-Line นั้นคือรุ่นแรกจะได้ล้อลาย Lisbon ขนาด 18 นิ้วส่วน R-Line จะได้ล้อลาย
Lugano ขนาด 19 นิ้ว ส่วนภายในนั้นไม่มีอุปกรณ์พิเศษอะไรให้มาเพิ่มเติม
เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือก 4 แบบซึ่งทั้งหมดเลือกได้ว่าจะจับคู่กับเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ DSG 6 จังหวะ
– เบนซิน 4 สูบ 1.4 ลิตรเทอร์โบ 125 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/ นาทีและ 20.39 กก-ม. (200 นิวตันเมตร) ที่ 1,400 รอบ/ นาที
– เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 180 แรงม้า (PS) ที่ 4,200 รอบ/ นาทีและ 28.55 กก-ม. (280 นิวตันเมตร) ที่ 1,250 รอบ/ นาที
– ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/ นาทีและ 34.67 กก-ม. (340 นิวตันเมตร) ที่ 1,750 รอบ/ นาที
– ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 184 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/ นาทีและ 38.55 กก-ม. (380 นิวตันเมตร) ที่ 2,500 รอบ/ นาที
ราคาเริ่มต้นของ Scirocco Black Edition รุ่น GT และ R-Line เริ่มต้นที่ 23,135 และ 27,260 ปอนด์หรือ
ประมาณ 1.2 ล้านบาทและ 1.4 ล้านบาทขึ้นอยู่กับว่าเลือกเครื่องยนต์รุ่นไหน ส่วนราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มจาก
รุ่นธรรมดาอยู่ที่ 550 ปอนด์หรือประมาณ 30,000 บาทโดยที่ Volkswagen บอกว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก
เนื่องจากแค่ราคาฟิล์มติดกระจกบานหลังกับล้อลายพิเศษก็ปาเข้าไป 680 ปอนด์หรือประมาณ 36,000 บาทแล้ว
.
ที่มา: autoevolution