Lexus ได้ฤกษ์เปิดตัว GX เจเนอเรชั่นที่ 3 มาทดแทนรุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งใช้งานวิศวกรรมร่วมกับ Land Cruiser Prado โดยรถ SUV รุ่นใหม่นี้ยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างแบบ Body-on-frame อยู่เช่นเดิม นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการขยายขนาดตัวถังและการติดตั้งฟังก์ชั่นแบบใหม่หลายรายการ บนพื้นฐานงานวิศวกรรม body-on-frame GA-F platform ร่วมกับ Land Cruiser 300-Series และ LX 600

 

งานออกแบบภายนอกมีความแตกต่างจาก Lexus ทุกรุ่นในไลน์อัพปัจจุบัน ด้วยการเน้นความบึกบึนจากเส้นสายเหลี่ยมสัน แต่ทว่า มีการปรับใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบเส้นเกลียวให้สอดคล้องกับรูปแบบตัวรถ แต่ก็ไม่ทิ้งความหรูหราและโมเดิร์นด้วยรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ เพื่อให้สมกับการเป็น Lexus อย่างเต็มตัว จุดที่สังเกตเห็นได้ว่าแตกต่างกับ SUV รุ่นอื่นๆ ได้แก่ กระจกบังลมหน้าแบบตั้งชัน เพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งยามบุกป่าฝ่าดง นอกจากนี้ ฝากระโปรงท้ายยังติดตั้งบานกระจกบังลมหลังแบบเปิดแยกชิ้นได้ ขณะที่บานหลักสามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยไฟฟ้าแบบ Hands-free จาก Kick sensor

 

การตกแต่งของ GX ใหม่ แบ่งออกเป็น 6 รูปแบบ ได้แก่ Premium Premium+ Luxury Luxury+ Overtrail และ Overtrail+ โดยจะติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 20 และ 22 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อยที่ถูกวางตำแหน่งไว้ตามแต่ละการใช้งาน โดยรุ่น Premium จะเน้นการโดยสารเป็นหลัก และรุ่นย่อยใหม่ Overtrail ที่มาในธีมตัวลุยแนว Off-road ตัวจริง ขณะที่ Luxury จะมีความผสมผสานระหว่างตัวลุยเต็มพิกัด

GX มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 11 สี โดยมีความแตกต่างในแต่ละเกรดการตกแต่ง โดยเฉพาะในรุ่น Overtrail และ Overtrail+ ที่มาพร้อมสีตัวถังทูโทน หลังคาสีดำ และตัวรถมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเงิน Atomic Silver สีเทานม Incognit สีเขียว Nori Green Pearl และสีโปรโมทสีเนื้อ Earth ขณะที่สีโมโนโทนอื่นๆ อย่าง สีขาวมุก Eminent White Pearl สีเทามุข Nebula Gray Pearl สีเงิน Atomic Silver สีเทานม Incognito สีดำ Caviar สีเขียว Nori Green Pearl และสีน้ำเงิน Nightfall Mica มีให้เลือกในรุ่น Premium และ Luxury

 

การตกแต่งของรุ่น Overtrail ประกอบด้วยทริมการตกแต่งสีดำเงาบริเวณภายนอกตัวรถ เริ่มต้นที่ซุ้มล้อรอบคัน รวมไปถึงการตัดโทนสีด้วยแผ่นกระแทกด้านข้างทำจากอะลูมิเนียมสีเงิน ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Off-road ขนาด 33 นิ้ว ขณะที่ฟังก์ชันและระบบช่วยเหลือต่างๆ ในการลุยฝ่าอุปสรรคก็มีการติดตั้งมากกว่ารุ่นอื่นได้แก่ ระบบช่วยปีนป่ายอัจฉริยะ crawl control ระบบช่วยลงทางลาดชัน downhill assist control และระบบช่วยตรวจสอบพื้นผิวแบบ 3 มิติ 3D multi-terrain monitor พร้อมด้วยช่วงล่างแบบ Electronic-Kinetic Dynamic Suspension System ที่เพิ่มศักยภาพในการลุยแบบ Off-road ได้มากยิ่งขึ้น โดยรุ่น Overtrail+ จะมาพร้อมเบาะนั่งติดตั้งระบบนวดและระบบรองรับที่ปรับได้ด้วยไฟฟ้า

มิติตัวรถ

  • ความยาว  4,950 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง  1,980 มิลลิเมตร
  • ความสูง  1,865 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ  2,850 มิลลิเมตร

 

การตกแต่งภายในมาในสไตล์เรียบหรูเพื่อปรับอารมณ์ความแข็งกร้าว จากรูปลักษณ์ภายนอก เปลี่ยนเป็นความสบายยามขับขี่ เพิ่มเติมความโออ่าของห้องโดยสารจากรุ่นปัจจุบัน และยังติดตั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ได้รับการอัปเดต ทันสมัยที่สุดในไลน์อัพรถ SUV แบบ body-on-frame เริ่มต้นด้วยหน้าจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอกลางขนาด 14 นิ้ว นอกจากนี้ยังได้ทำการสงวนปุ่มควบคุมสำหรับฟังก์ชั่นสำคัญไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ รวมไปถึงการปรับอัตราส่วนของเกียร์ทรานซ์เฟอร์และ Differential พร้อมออกชั่นหน้าจอแสดงผล Head-up display

 

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ผสมกับเส้นใยสังเคราะห์ โดยมีสีให้เลือกทั้งสีดำ สีเทา Dapple Grey และสีเบจ Saddle Tan ในรุ่น Premium และ Luxury ขณะที่รุ่น Overtrail จะมาพร้อมเบาะนั่งสีดำเสริมเติมแต่งด้วยสีเขียว Olive หรือ สีเบจ Chateau ผสมกับสีเขียว Olive การจัดรูปแบบเบาะนั่งมีทั้งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง 3 แถว 6 ที่นั่ง และ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยรุ่น Overtrail จะมีให้เลือกเพียงแต่แบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง

 

ขุมพลังขับเคลื่อน มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่

รุ่น GX 550 ใช้ เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร Twin Turbo กำลังสูงสุด 415 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 10 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

รุ่น GX 500h เครื่องยนต์เบนซินรหัส T24A-FTS 4 สูบ 2.4 ลิตร Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Hybrid กำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ทั้งคู่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip ที่สามารถล๊อคอัตราการกระจายแรงบิดได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงชุดเกียร์ทรานเฟอร์แบบไฟฟ้าที่คอยปรับโหมดระหว่าง 4WD-High และ 4WD-Low ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในรุ่น Overtrail ยังมาพร้อม Differential ด้านหลัง

 

ระบบบังคับเลี้ยวที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีการปรับโหลดที่ตัวแร็คให้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานทั้งทาง On road และ Off road ได้เป็นอย่างดี ช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double wishbone และช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-link ทำงานร่วมกับระบบควบคุมช่วงล่างอัจฉริยะ Adaptive Variable Suspension พร้อมโคอัพแบบแปรผันเป็นออฟชั่นเสริม

 

อย่างไรก็ตาม Lexus ยังไม่ได้เปิดราคาจำหน่ายของ GX อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีแนวโน้มใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบัน หากอ้างอิงจากราคารุ่นพี่ LX เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ที่มา: Motor1