หลังเปิดตัวในประเทศบ้านเกิดได้ครบ 1 ปี Honda Freed Black Style ได้มีรุ่นปรับอุปกรณ์ตามมา โดยปรับดีไซน์หลายชิ้นส่วน ทั้งยังเพิ่มสีตัวถังเข้ามาใหม่เป็น สีเทา Sonic Gray Pearl เสริมด้วยสีดำ Twilight Mist Black Pearl, สีขาว Platinum White Pearl และ สีเขียว Silver Mist Green Metallic ทุกสียกเว้นสีเขียวต้องเพิ่มเงินจากราคารถอีก 33,000 เยน (ราว 8,000 บาท)
อุปกรณ์เฉพาะรุ่นของ Honda Freed Black Style มีทั้งกระจังหน้ารมดำตัดด้วยสีเทาด้าน, คิ้วฝาท้ายรมดำ, กระจกมองข้าง – มือเปิดประตู สีดำ Crystal Black Pearl, ไฟเบรก LED ดวงที่ 3 แบบใส, ราวหลังคาสีดำ, ชายล่างตัวถังหน้า – หลัง สีเทาดำ Gun Metallic และ ล้อลายพิเศษขนาด 15 นิ้ว ส่วนห้องโดยสารใช้การเดินด้ายตะเข็บสีเงินตกแต่งรอบคัน
ขุมพลังของ Honda Freed Black Style คงเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน ที่มีให้เลือกสองแบบดังนี้
- 1.5 เบนซิน
แบบ 4 สูบ ขนาด 1,496 ซีซี. Direct Injection กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 153 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
- 1.5 เบนซิน Hybrid
แบบ 4 สูบ ขนาด 1,496 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 73.0 x 89.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 : 1 กำลังสูงสุด 110 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 29.5 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
Honda Freed Black Style เปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2023 และพร้อมออกจำหน่ายในวันถัดไป สนนราคาจำหน่ายที่นั่นโดยที่ยังไม่รวม ภาษีนำเข้าของประเทศไทย 2,703,800 – 3,215,300 เยน (ราว 676,000 – 804,000 บาท)
ที่มา: Honda