Yaris ชื่อนี้ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก นับว่าเป็นตำนานของรถยนต์สำหรับคนเมืองขนาดเล็ก ที่ออกมาจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตั้งแต่ปี 1997 ในเจเนอเรชั่นแรก จนสามารถกวาดยอดขายตลอดอายุตลาดไปได้มากกว่า 10 ล้านคัน ในระยะเวลา 25 ปี โดยในรุ่นปัจจุบันเวอร์ชั่นยุโรป นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน TNGA-B ร่วมกับ Yaris Cross รถครอสโอเวอร์ขนาดย่อม ที่ใช้ชื่อชวนสับสนกับเวอร์ชันอาเซียน โดยทั้ง 2 เวอร์ชั่น ถึงแม้จะใช้ชื่อ Yaris แต่ถูกสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐานที่แตกต่างกัน สำหรับตลาดประเทศแถบอาเซียน ที่กำลังเป็นข่าวฉาวในเรื่องการทดสอบการชนที่ไม่ได้มาตรฐาน จะใช้งานวิศวกรรม DNGA จาก Dathatsu ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Toyota นั่นเอง
รุ่น Premiere Edition ได้รับการตกแต่งใหม่เริ่มจากกระจังหน้าลวดลายใหม่ พร้อมกันชนหลังติดตั้งดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วปัดเงา หลังคาสีดำทูโทน ขณะที่รุ่น GR มาพร้อมการตกแต่งแบบสปอร์ตเน้นโทนสีดำเงา
ภายในมาพร้อมกับจอกลางขนาดใหญ่ 10.5 นิ้วเป็นออฟชั่น นอกเหนือจากขนาด 9 นิ้ว ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมด้วยจอมาตรวัดแสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้วชุดใหม่ เป็นออฟชั่นสำหรับรุ่นบน ขณะที่รุ่นล่างจะได้จอขนาด 7 นิ้ว แทน โดดเด่นด้วยกุญแจแบบ Digital สั่งการตัวรถผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการล็อค-ปลดล็อค การควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบไฟส่องสว่าง ปิดท้ายด้วยการอัพเดทแบบ Over-the-Air (OTA) ตามสมัยนิยม
สำหรับ Yaris ที่เปิดตัวเวอร์ชั่นปรับปรุงนี้ จะมาพร้อมขุมพลัง Hybrid เท่านั้น โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน M15A-FXE แถวเรียง 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,490 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 80.5 x 97.6 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 – 4,800 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า INM AC Synchonous Motor ที่มีแรงบิดสูงสุดให้เลือกทั้ง 141 และ 185 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Hybrid 115 และ Hybrid 130 ตามลำดับ ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion 4.3 Ah จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
- อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 9.7 วินาที ในรุ่น Hybrid 115 และ ภายในเวลา 9.2 วินาที ในรุ่น Hybrid 130
- ความเร็วสูงสุดเท่ากันที่ 175 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- โดยในรุ่น Premiere Edition และ GR Sport จะมีให้เลือกเฉพาะรุ่นย่อย Hybrid 130 เท่านั้น
โดยแพ็คเกจ TOYOTA SAFETY SENSE (TSS) ความปลอดภัยที่ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการปรับโฉมครั้งนี้นับว่าจัดเต็มอยู่ไม่น้อย ได้แก่
- VEHICLE DETECTION
- PEDESTRIAN DETECTION
- NIGHT-TIME PEDESTRIAN DETECTION
- CYCLIST DETECTION
- INTERSECTION COLLISION AVOIDANCE SUPPORT
- EMERGENCY STEERING ASSIST (ESA)
- ACCELERATION SUPPRESSION AT LOW SPEED
- EMERGENCY DRIVING STOP SYSTEM (EDSS)
- ROAD SIGN ASSIST (RSA)
- SPEED LIMITER IN COOPERATION WITH RSA
- FULL RANGE ADAPTIVE CRUISE CONTROL (ACC)
- INTELLIGENT ADAPTIVE CRUISE CONTROL (IACC)
- LANE TRACE ASSIST (LTA)
- LANE DEPARTURE ALERT (LDA)
- PROACTIVE DRIVING ASSIST (PDA)
- AUTOMATIC HIGH BEAM (AHB)
โดยสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจ PARKING ASSISTANCE และ DRIVING ASSISTANCE เพิ่มเติมที่จะมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ดังนี้
- REAR SEAT REMINDER SYSTEM (RSRS)
- SAFE EXIT ASSIST (SEA)
- REAR CROSS TRAFFIC ALERT WITH AUTOMATIC BRAKING (RCTAB)
- INTELLIGENT CLEARANCE SONAR (ICS)
- BLIND SPOT MONITOR (BSM)
ที่มา: Carscoops