Chevrolet Camaro หรือรถ Pony car สัญชาติอเมริกันที่ยังคงจำหน่ายในบางตลาดนอกประเทศบ้านเกิด โดยหนึ่งในนั้นได้แก่ แดนอาทิตย์อุทัย ที่มีกลุ่มคนนิยม Muscle car อยู่บ้าง เป็นไม่กี่ประเทศในทวีปเอเชียที่ได้รับสิทธิ์นี้ ท่ามกลางกระแสรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้า แต่ทว่า รถสปอร์ตกลุ่มนี้ยังคงมีแฟนๆที่ยังเรียกร้องอยู่บ้าง โดยรุ่นล่าสุดอย่าง Ford Mustang ที่มีทายาทรุ่นใหม่มารับช่วงต่อเช่นกัน
ขณะที่ Camaro เจเนอเรชั่นนี้ จะถูกยุติการผลิตในเดือนมกราคม 2024 โดยในระหว่างนี้ทางค่ายจะทยอยเปิดตัวรุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองอายุการตลาดและอาจเป็นการส่งท้าย รถรุ่น Camaro ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากทาง Chevrolet เกริ่นไว้แล้วว่า ชื่อ Camaro จะยังไม่ตายหายไปไหน แต่จะไม่มีรุ่นที่มาแทนกันได้โดยตรง และยังไม่ใช่ในปี 2024 อย่างแน่นอน เท่ากับว่าอนาคตของ Camaro นั้นยังคงไม่ชัดเจน ว่าจะไปทิศทางใด นอกเสียไปจากว่าทางค่ายจะตัดสินใจหันไปคบขุมพลังไฟฟ้าเต็มตัว เพื่อให้เป็นคู่ต่อกรกับ Ford Mustang Mach-E โดยตรง
สำหรับตลาดญี่ปุ่นที่ไม่มีสีตัวถังสีส้ม Vivid Orange ให้เลือกตลอดอายุทางการตลาดจนปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสดีที่ทาง Chevrolet Japan จะได้นำ Camaro SS มาพ่นและตกแต่งให้เป็นรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด และตั้งชื่อรุ่นตรงๆ ไปเลยว่า Chevrolet Camaro Vivid Orange Edition
อย่างไรก็ตาม การจะพ่นเพียงสีพิเศษก็อาจดูไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก ทางค่ายจึงได้จับมือศิลปินภาพกราฟฟิตี้ Number-D ในการรังสรรค์ภาพกราฟิกเฉพาะรุ่น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่าง และได้ทำการติดสติ๊กเกอร์สีเงินที่ลากยาวตั้งแต่บริเวณฝากระโปรงหน้า ลากผ่านหลังคาไปจรดยังฝากระโปรงท้าย
สำหรับภายในได้รับการติดตั้งเบาะนั่งแบบ Bucket seat จาก Recaro หุ้มด้วยหนังสีดำสุดหรู
แน่นอนว่าขุมพลังที่บรรจุลงในรุ่นพิเศษนี้ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 6.2 ลิตร กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 103.25 x 92 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 453 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 617 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบ Active Rev Match หรือเกียร์อัตโนมัติ Hydra-Matic 10L90 10 จังหวะ
Chevrolet Japan ตั้งราคาจำหน่ายของ Camaro Vivid Orange Edition ไว้ที่ 8,930,000 เยน หรือ 2,231,051 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าประเทศไทย และเปิดให้รับจองตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2023 นี้ ก่อนที่จะส่งรถคันจริงให้ผลโฉมได้ในงาน Chevrolet Fan Day ที่สนามแข่ง Fuji Speedway ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2023 และจะพร้อมส่งมอบในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2023
ที่มา: Motor1