รถ SUV กลุ่ม B-Segment กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างพากันเข็นรถกลุ่มนี้หลากหลายดีไซน์ออกสู่ตลาดเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการได้ดีที่สุด ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวรถหลากรุ่นที่มีโครงสร้างตัวถังร่วมกัน แตกต่างกันที่เส้นสายภายนอกภายใน และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Buick Envista ที่ดูเผินๆ เป็นรถ Premium SUV แท้จริงแล้วใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับ Chevrolet Trax/Seeker ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้

กลยุทธ์การแปลงโฉมด้านหน้า-ท้าย ดูจะได้รับความนิยมมาโดยตลอด แต่ทาง GM เลือกที่จะดัดแปลงส่วนท้ายทั้งหมด เปรียบเสมือนรถคนละคัน โดยการเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือครั้งนี้ของ Envista ตามหลังเวอร์ชั่นจีนที่เปิดตัวไปก่อนหน้าในฤดูร้อนปี 2022 ที่ผ่านมา เนื่องจากธีมการออกแบบใหม่นี้จะถูกนำไปใช้กับ Buick รุ่นใหม่ๆ

 

งานออกแบบด้านหน้ามีความหรูหราหากเลือกรุ่นย่อย Avenir ด้วยกระจังโครเมียมขนาดใหญ่ พร้อมไฟ DRL แยกส่วน ขณะที่ไฟหน้าติดตั้งที่มุมกันชนทั้ง 2 ข้าง ขณะที่รุ่น Sport Touring (ST) เน้นความสปอร์ตจะเปลี่ยนลวดลายกระจังหน้าเป็นสีดำเงา ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายเฉพาะ พร้อมการตกแต่งสีดำเงาเป็นหลักแทนวัสดุโครเมียมในรุ่น Avenir อย่างไรก็ตามล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ลายหรูหราจะมีให้ในรุ่นย่อยดังกล่าวเนื่องจากเป็นรุ่นท๊อปกว่า ST

ด้านท้ายมาพร้อมฝากระโปรงขนาดใหญ่แบบลาดเอียงตามสไตล์ SUV ทรง Coupe มาพร้อมไฟท้ายขนาดเรียวเล็ก ที่ล้องานดีไซน์มาจากไฟ DRL ด้านหน้าโดดเด่นด้วยโลโก้ Buick บริเวณกลางฝากระโปรงท้าย กันชนหลังติดตั้งดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ เพื่อทำให้ภาพรวมของตัวรถดูมีระดับมากกว่า B-Segment SUV ทั่วไป

 

ขณะที่ภายในลดทอนความแปลกตาด้วยการตกแต่งที่ไม่ได้หรูหรามากและมีลูกเล่นเท่าภายนอก กระนั้นก็ไม่ลืมที่จะติดตั้งจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 8 นิ้ว ที่ต่อเนื่องกับจอกลางระบบความบันเทิงขนาด 11 นิ้ว ที่ได้รับการปรับจูนรูปลักษณ์หน้าตาของการใช้งานต่างๆ ให้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ทันสมัย เพื่อเป็นตัวช่วยส่วนตัวให้กับผู้ขับขี่ยามเดินทาง โดยทุกรุ่นจะได้รับการติดตั้งระบบป้องกันเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร active noise cancellation

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจาก Buick Driver Confidence package ที่ประกอบไปด้วยระบบช่วยเบรกอัตโนมัติยามฉุกเฉิน ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ภายในเลน และระบบไฟหน้าอัจฉริยะปรับลำแสงอัตโนมัติตามสภาพจราจร ยังไม่รวมระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน ระบบเตือนการชนด้านหลัง และระบบเตือนจุดอับสายตาด้านข้าง ที่ทำงานร่วมกับระบบป้องกันการเปลี่ยนเลนกะทันหัน

 

ขุมพลังจะใช้เครื่องยนต์เบนซินพ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และสามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.6 วินาที มีให้เลือกเพียงระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเท่านั้น ที่ใช้ร่วมกับ Chevrolet Trax และ Seeker

Buick ส่ง Envista ทำตลาดด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 25,195 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 865,675 บาท โดยจะเป็นการนำเข้าจากโรงงานในเกาหลีใต้ และจะพร้อมส่งมอบในเดือนสิงหาคม 2023 นี้

ที่มา: Carscoops