เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ Porsche Cayenne Facelift (Model Year 2024) ซึ่งเป้าหมายหลักของการปรับโฉมครั้งนี้ อยู่ที่การอัพเกรดระบบ Infotainment อัพเกรดระบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ตามความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เสริมด้วยการปรับปรุงส่วนอื่น ๆ อาทิเช่น ภายนอก ขุมพลัง ช่วงล่าง ฯลฯ เพื่ออัพเดทให้มีความสดใหม่ หลังจากที่รถเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017
สำหรับดีไซน์ภายนอกนั้น มีภาพหลุดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 จากการปล่อยภาพ Teaser ภายใน ก่อนที่จะมีภาพ Teaser ฉบับ Official ออกมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ ความเปลี่ยนแปลงหลักอยู่ที่การปรับมาใช้ไฟหน้าที่เหลี่ยมขึ้น และเป็นแบบ HD Matrix ซึ่งนั่นทำให้แม้ว่ารูปลักษณ์อาจจะไม่ได้ดูแตกต่างแบบพลิกโฉมขนาดนั้น แต่ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าทั้งหมด ตั้งแต่ไฟหน้า ฝากระโปรงหน้า แก้มข้าง รวมไปถึงเปลือกกันชน ก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมด
ในขณะที่ด้านท้ายก็มีการเปลี่ยนชิ้นฝากระโปรง และเปลือกกันชน โดยย้ายตำแหน่งของป้ายทะเบียนให้ลงไปอยู่ด้านล่าง ซึ่งทำให้รุ่น Cayenne ตัวถังธรรมดามีดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่น Coupe มากขึ้น ในขณะที่รุ่น Coupe ซึ่งมีการวางตำแหน่งทะเบียนเช่นนี้อยู่แล้ว ดูคล้ายคลึงกับรุ่นเดิมมากกว่า โดยความแตกต่างอยู่ที่ส่วนของทับทิมกลางเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มสีตัวถังอีก 3 สี และล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 20 21 และ 22 นิ้วลายใหม่
ในส่วนของภายในเป็นความเปลี่ยนแปลงหลักของ Porsche Cayenne Facelift นี้ และเห็นได้ชัดกว่าภายนอกเป็นอย่างมาก เนื่องจากชิ้นส่วนของแดชบอร์ดนั้นถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และเป็นไปตามการออกแบบของ Porsche รุ่นใหม่อย่าง Taycan ด้านหน้าคนขับมีมาตรวัดหน้าจอดิจิตอลโค้งขนาด 12.6 นิ้ว และในส่วนคอนโซลกลางก็ถูกออกแบบใหม่ โดยย้ายตำแหน่งของคันเกียร์ไปไว้ด้านบนและปรับให้เป็นแบบ Toggle Switch ขนาดเล็ก ซึ่งทำให้คอนโซลกลางมีพื้นที่สำหรับติดตั้งปุ่มควบคุมระบบ HVAC และการควบคุมอื่น ๆ โดย Porsche ระบุว่า การออกแบบนี้คำนึงถึงการใช้งานขณะขับขี่ จึงไม่รวมทุกอย่างเข้าไปอยู่ในหน้าจอกลาง
สำหรับระบบ Infotainment หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ใช้ควบคุมระบบ Porsche Communication Management ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อ Apple Carplay/Android Auto และมีการเสริมหน้าจอด้านหน้าผู้โดยสารขนาด 10.9 นิ้ว โดยการออกแบบเช่นนี้ มีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนและยุ่งเหยิงของหน้าจอ Infotainment กลาง ซึ่งทำให้คนขับไม่ต้องละสมาธิจากการขับขี่มากเท่ากับถ้าหากทุกสิ่งไปรวมอยู่ในหน้าจอเดียว นอกจากนี้ Porsche Cayenne Facelift ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จโทรศัพท์ Wireless Charging ซึ่งมีระบบทำความเย็นให้กับอุปกรณ์ เพื่อช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น
ในส่วนของขุมพลังนั้น มีการปรับปรุงใหม่ดังนี้
- Cayenne ขุมพลัง V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 353 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
- Cayenne S ปลดระวางขุมพลัง V6 และแทนที่โดย V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 474 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร
- Cayenne Turbo GT กำลังสูงสุด 659 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร
- Cayenne e-Hybrid กำลังสูงสุดทั้งระบบ 470 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร
สำหรับรุ่น e-Hybrid แบตเตอรี่เพิ่มขนาดจาก 17.9 เป็น 25.9 kWh ซึ่งทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 90 กิโลเมตรต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP
ส่วนช่วงล่างของ Porsche Cayenne มาตรฐาน ใช้สปริงธรรมดา จับคู่กับโช้คอัพ Porsche Active Suspension Management (PASM) ซึ่งสามารถปรับความหนืดทั้ง Rebound และ Compression ได้ และมีตัวเลือกเสริม สปริง Adaptive Air Suspension เพื่อเพิ่มความสบายยิ่งขึ้นไปอีก
ที่มา : Porsche