Ram รถกระบะอเมริกัน Full-size ชื่อดังที่มีตำนานจากเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งโดยปกติมาจะมาพร้อมเครื่องยนต์สันดาปภายในความจุมหึมา 6 ลิตรขึ้นไป สำหรับสร้างแรงบิดมหาศาลสำหรับการลากจูงและการบรรทุกน้ำหนักในพิกัดที่เกินกว่ารถ Pick-up 1 ตันบ้านเรา จนกระทั่งทาง Stellatis ได้เข้ามาถือครองแบรนด์ Ram จึงทำให้ทิศทางในอนาคตเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการนำขุมพลังไฟฟ้าล้วนเข้ามาประจำการ ด้วยการเปิดตัว Ram 1500 REV เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ทว่ายังไร้วี่แววของข้อมูลทางเทคนิค
โดยระบบขับเคลื่อนของเจ้ากระบะ Full-size คันนี้ ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดตัวละ 360 แรงม้า ขับเคลื่อนเพลาล้อคู่หน้าและหลัง ทำงานผสานกันภายใต้ชุดเกียร์ทำให้มีพละกำลังรวมที่ 654 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 840 นิวตัน-เมตร ทำให้เจ้า 1500 REV เป็นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่างสมบูรณ์แบบ ที่มอเตอร์เพลาล้อหน้า สามารถแยกการทำงานของล้อหน้าข้างซ้ายและขวาได้อย่างอิสระ เพื่อสามารถเอนะอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่มอเตอร์สำหรับเพลาคู่หลังสามารถทำงานในรูปแบบ differential ไฟฟ้า เพื่อกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งสองข้างได้อย่างสมดุลเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้ 1500 REV สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 4.4 วินาที พร้อมความสามารถในการลากจูงด้วยน้ำหนักกว่า 7 ตัน พร้อมความสามารถในการบรรทุกที่กระบะกว่า 1.35 ตัน
โดยมีขนาดแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่ 168 kW ให้ระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จที่ 560 กิโลเมตร ขณะที่แบตเตอรี่ความจุ 229 kWh จะเพิ่มระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จ เป็น 800 กิโลเมตร พร้อมด้วยการชาร์จด้วยไฟแรงสูงกว่า 800V ด้วยกำลังไฟสูงสุดแบบ DC 350 kW ที่สามารถชาร์จเพียง 10 นาที แต่วิ่งได้ไกลสุดกว่า 176 กิโลเมตร และยังสามารถชาร์จด้วยไฟ AC ได้ที่กำลังไฟสูงสุด 7.2 kW
สำหรับความสามารถในการลุยผ่านอุปสรรคต่างๆ ด้วยโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ Entry/Exit Aero Normal Off-Road 1 และ Off-Road 2 เพื่อปรับช่วงล่างให้สามารถรับมือกับอุปสรรครูปแบบต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบถุงลมเพื่อช่วยเพิ่ม-ลดระดับความสูงตัวรถให้สอดคล้องกัน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 275/50 จาก Pirelli Scorpion
ภายในมาพร้อมกับจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว ทำงานร่วมกับจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอสำหรับความบันเทิงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 10.25 นิ้ว พิเศษด้วยกระจกมองหลังแบบดิจิตอล และจอ Head-up display ขนาด 10.0 นิ้วแบบสี ทำให้การสั่งการควบคุมและใช้งานระบบต่างๆ ภายในตัวรถสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมระบบเครื่องเสียง 23 ลำโพง จาก Klipsch stereo
ในส่วนของอรรถประโยชน์ใช้สอย โดยเฉพาะช่องเก็บของบริเวณด้านหน้า หรือ Frunk ที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เช่นเดียวกับฝากระบะด้านท้าย ในขณะที่ด้านท้ายรถมีช่องเก็บของที่กระบะท้าย RamBox ที่ปิดอย่างมิดชิด พร้อมช่องพ่วงต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 115V
ที่มา: Motor1