เทคนิคการหารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากราคารถ ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่รถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งสามารถสั่งให้เพิ่มเติมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ ในรูปแบบ subscription นั้น สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างที่หลายค่ายได้เคยกล่าวไว้ ดังจะเห็นได้จากรายได้ตลอดปี 2022 ของ Mercedes-Benz ที่นับเฉพาะจากบริการเพิ่มและติดตั้งฟังก์ชั่นต่างๆ ที่อาจมีการติดตั้งอยู่ในตัวรถ แต่ถูกปิดการทำงานจากโรงงานเอาไว้ในตอนแรก

โดย Mercedes-Benz ได้จำแนกรายได้จาก การที่ลูกค้าสมัครหรือซื้อฟังก์ชั่นต่างๆ ได้เป็นจำนวนมากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35,124 ล้านบาท ซึ่งยังคงคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% จากรายได้รวมตลอดปี 2022 ซึ่งทาง Mercedes-Benz วางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริการ Subscription นี้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้ให้เป็น 2 เท่าของปี 2022 ภายในปี 2025 นี้

 

โดยฟังก์ชั่นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้าในการเสียเงินเพิ่มเติมได้แก่ ระบบช่วยเหลือนำรถเข้าช่องจอดอัตโนมัติและระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 โดยทั้ง 2 ฟังก์ชั่นนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องไปตลอดจนถึงปี 2030

หากย้อนไปเมื่อปี 2018 ที่ทาง Mercedes-Benz ได้เริ่มนำระบบเพิ่มเติมฟังก์ชั่นภายใต้รูปแบบ subscription โดยเริ่มต้นด้วย remote engine start และระบบล๊อครถผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือ ตลอดจนการปลดล๊อคความแรงให้กับบรรดารถยนต์สมรรถนะสูง โดยเฉพาะรถ EV อย่าง EQS และ EQE ที่สามารถเสียค่าบริการรายปีเท่ากับ 42,000 บาท โดยไม่ต้องนำรถเข้ามาปรับแต่งที่ศูนย์บริการ

 

นอกจากนี้ยังมีบริการราคาไม่แพง เช่น การปลดล๊อคให้รถ EQS สามารถใช้งานฟังก์ชั่นเลี้ยวล้อคู่หลังได้กว้างขึ้นด้วยมุมสูงสุด 10 องศา จากเดิม 4.5 องศา ด้วยงบประมาณเพียง 18,000 บาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อจำกัดทางกฎหมายในบางประเทศในภูมิภาคยุโรป โดยเฉพาะประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการอัพเกรดสมรรถนะผ่านการเสียเงินในรูปแบบ subscription

ภายหลังจากที่ Mercedes-Benz ออกมาประกาศเตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่สำหรับการจัดการตัวรถอย่าง MB.OS ภายในปี 2024 โดยเคลมว่าจะสามารถอัพเกรดฟังก์ชั่นต่างๆ ได้หลากหลายกว่าเดิม นั่นหมายถึงการเพิ่มบริการต่างๆ ให้ลูกค้ามีโอกาสเสียเงินมากยิ่งขึ้น

ที่มา: Drive.au