ปัญหาสำคัญของการเปลี่ยนมาใช้รถ EV ที่ชาวไทยหลายคนคาดไม่ถึง นั่นก็คือราคาของหัวชาร์จ หรือ EV Charger ที่แพงระยับหากไม่ได้รวมอยู่ในราคารถยนต์ หรือไม่ได้ถูกแถมมาพร้อมกับแพ็คเกจส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ ที่มีราคาอุปกรณ์ต่างๆ และค่าติดตั้งที่สูงลิ่วถึงหลักแสนบาท

ทางธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) จึงได้ออกแคมเปญการปล่อยสินเชื่อที่ชาร์จรถ EV ให้รวมอยู่ในยอดของรถยนต์ใหม่ได้ โดยจะจับมือธนาคารเอกชนมาเป็นพาร์ทเนอร์ พร้อมดึงตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ให้สนับสนุนโครงการนี้

 

ด้วยเป้าหมายในการกลายเป็นลดปริมาณคาร์บอนให้ได้ตามเป้าหมายภายในปี 2050 ของ ธนาคารแห่งอเมริกา และเพื่อให้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องมีเพียงพอกับความต้องการในอนาคต จึงได้วางแผนการปล่อยสินเชื่อและอัดฉีดเงินลงทุนล่วงหน้า

โดยจำนวนของหัวชาร์จแบบชาร์จสำหรับครัวเรือนในปี 2021 ในอเมริกาเหนือมีจำนวนอยู่ที่ 1.3 ล้านจุด โดยธนาคารแห่งอเมริกาได้เตรียมการล่วงหน้าเพื่อรองรับจำนวนกว่า 27.5 ล้านจุดภายในปี 2030

ในทำนองเดียวกันหัวชาร์จแบบชาร์จเร็วตามสถานีสาธารณะต่างๆ ที่มีจำนวนกว่า 2.4 แห่งในปี 2021 จะทะยานสู่จำนวน 26.4 ล้านจุดภายในปี 2030

 

หากพิจารณาความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งอเมริกาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้ทำการอัดฉีดเงินให้กับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ ตัวอย่างเช่น Lucid และ Polestar พร้อมทั้งได้ทยอยติดตั้งจุดชาร์จต่างธนาคารพาร์ทเนอร์ทั่วอเมริกาเหนือ

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา เมื่อสถาบันการเงินระดับชาติได้ให้ความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากมายในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งในรูปแบบที่ชาร์จในครัวเรือนและที่ชาร์จสาธารณะ

ที่มา: Autoblog