ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงรายการเดินหน้าประเทศไทย หลังเคารพธงชาติ 18.00 น.ในเย็นวันหนึ่ง
ที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (บางครั้งผมก็สับสนว่าภาพที่เห็นเป็นดร.สมคิด หรือ โทรุ ฮาเซกาว่า อดีตประธาน
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ใบหน้าละม้ายคล้ายกันราวกับแกะ) ท่านรองนายกรัฐมนตรีผู้ทำหน้าที่หัวหน้าทีม
เศรษฐกิจ กล่าวไว้น่าสนใจว่า ผู้ประกอบการภาคธุรกิจของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับนวัตกรรมอย่างยิ่ง
เพราะเป็นทางรอดที่จะสามารถแข่งขัน กับต่างชาติได้ ควรทุ่มความสนใจแก่งานวิจัยให้จงหนัก มิฉะนั้นระยะยาว
จะตกอยู่ท่ามกลางสภาพการแข่งขันด้านราคา แข่งกันขายของถูก ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำได้ยากเต็มที เพราะค่าแรงบ้านเรา
แพงขึ้นเรื่อยๆ ขืนไม่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตการดำเนินธุรกิจ คงพังพินาศในไม่ช้า
อันที่จริง”นวัตกรรม”ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ไม่เคยปรากฏบนโลกนี้ซะเมื่อไหร่ หลายอย่างเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่
โลดแล่น อยู่ในชีวิตประจำวันเราๆท่านๆ จากแผ่นเสียงในโลกอนาล็อค สู่คอมแพ็คดิสก์ในยุคถัดมา พัฒนามาเป็น
ไฟล์เสียงหลายเรทบิต หรือตัวอย่างในโลกภาพยนตร์ สมัยแรกเริ่มยังเป็นหนังใบ้ หากต้องการดนตรีใส่เพื่อให้มี
อรรถรสในการรับชม ต้องจ้างวงดนตรีนั่งบรรเลงเพลงในขณะหนังฉาย ต่อมาจึงกลายเป็นเสียงในฟิล์ม จากหนัง
ขาว-ดำ ฟิล์มหนังถูกราดรดให้ที่มีสีที่ปรับได้ตามธีม ที่ผู้สร้างวางกำหนด แม้บางสิ่งจะเป็นนวัตกรรมที่ออกจะ
แลดูขบขัน ไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่ผู้ริเริ่มวางไว้แต่ต้น น้ำยาอุทัยทิพย์สีแดงฉานซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แค่เติม
ความสดชื่นแก่น้ำดื่มในกระติก เพียงแค่เหยาะไม่กี่หยด ใครเลยจะคิดว่าจากสินค้าที่รอวัน สิ้นอายุขัยเพราะ
เสื่อมความนิยมลง กลับผงาดขึ้นมาได้รับความนิยมอีกครั้งด้วยกระแสที่วัยรุ่นหยิบมาทาแก้มที่จืดชืดให้มี
สีแดงสด ราวกับแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง
ถ้าเราหันมามองโลกของการผลิตภาพยนตร์โฆษณา วิธีการเล่าเรื่องจากสมองอันเฉียบแหลมของครีเอทีฟ
ยังต้องมีนวัตกรรมที่ฉีกแหวกแหกขนบชาวบ้าน จับแพะชนแกะในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมาเจอกันได้ ขมวดจนเรียก
เสียงฮือฮาได้พอสมควร โฆษณาหลอดไฟที่อยากเน้นว่าส่องสว่างกว่าสินค้าคู่แข่ง ดึงผู้ทรงไว้ซึ่งความสถิต
ยุติกรรมทุกกระเบียดนิ้วในตำนาน” เปาบุ้นจิ้น-ผู้มีเอกลักษณ์หน้าดำตลอดเวลา” เข้ามาไว้ในฉากถ่ายทำเพื่อ
ขับเน้นให้หลอดไฟสำแดงความสว่างเจิดจ้าได้เต็มที่หมีแพนด้าถูกจับคู่กับครีมลดริ้วรอยใต้ตา ยังถูกอุปมาว่า
แม้แต่ผู้ที่เกิดมาพร้อมขอบตาคล้ำยังนิยมชมชอบครีมชนิดนี้
ในขณะที่นวัตกรรมอีกมากมายหลายชิ้นบนโลกเกิดจากการขบคิดแก้ปัญหารอบตัว เช่น Chang Yao หญิงสาว
ผู้ทำหน้าที่ดูแลคุณยายซึ่งป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ เธอพบว่าชุดรับประทานอาหารของคนปกติทั่วไป จาน ชาม
ช้อน ที่รองจาน ไม่เหมาะกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ เวลากินข้าวแต่ละมื้อหกเลอะเปรอะเปื้อน ทำให้ผู้ป่วยกินอาหาร
ได้น้อยลง เธอจึงออกแบบชุดรับประทานอาหารขึ้นมาสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์โดยเฉพาะ ไม่หกเลอะเทอะ
อีกต่อไป และผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ
เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง LEADERS เรื่องราวของ ไอจิ ไซจิโร ลูกชายของไอจิ ซาสึเกะ ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิต
เครื่องทอผ้าอัตโนมัติ แต่ไอจิกลับไม่อยากที่จะสืบทอดบริษัทของพ่อ เขาอยากประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ที่พ่อเขายัง
ไม่เคยทำ ในท้ายที่สุดไอจิ เขาก็ทำสำเร็จด้วยแนวคิดรถยนต์แห่งชาติญี่ปุ่น นวัตกรรมที่เขาเอารถยนต์จากโลก
ตะวันตกมาต่อยอด ซึ่งเราต่างก็รู้กันว่า ไอจิในเรื่องเป็นชื่อสมมุติที่ใช้เรียกแทนชื่อและนามสกุลจริงของ Kiichiro
Toyoda ผู้ก่อตั้งแบรนด์รถยนต์โตโยต้า ไอจิมีโอกาสได้เห็นอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปและอเมริกา เมื่อกลับมา
บ้านเกิดจึงมีความใฝ่ฝันอันแรงกล้าที่จะสร้างรถยนต์แห่งชาติ ขึ้นมาบ้างเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบเศรษฐกิจ
ของญี่ปุ่น เพราะในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศญี่ปุ่น เต็มไปด้วยรถยนต์ที่นำเข้าจากอเมริกา เช่น ฟอร์ด
จีเอ็ม ถึงแม้สิ่งที่ไอจิคิดและลงมือทำจะไม่ใช่สิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลก เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
ในโลกอีกฟากหนึ่ง แต่ก็น่ายกย่องไอจิในด้านวิสัยทัศน์ที่มองเห็น อนาคตที่คนอื่นมองว่าบ้าไร้สาระ ไม่มีทางเป็นไปได้
ใช้ความพยายามชั่วชีวิตเพื่อผลักดันให้ญี่ปุ่นสามารถสร้างรถยนต์และส่งออกขายทั่วโลกได้ไม่น้อยหน้าฝรั่งมังค่า
ไอจิมิได้ทุ่มสุดชีวิตเพียงเพื่อตอบสนองความฝันของตนเองเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาและทีมงานสร้างไว้นับเป็นคุณูปการ
อันยิ่งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นต้องจดจำชั่วลูกชั่วหลาน
แม้ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างรถยนต์ สัญชาติญี่ปุ่นคันแรก พวกเขาต้องตามหลังอุตสาหกรรมยานยนต์
ในตะวันตกถึง 50ปีก็ตาม โดยมีรถยนต์เชฟโรเลตที่ไอจิซื้อมาจากอเมริกา เป็นครูคันแรกของพวกเขา ด้วยการถอด
ชิ้นส่วนออกมาทั้งหมดรวมแล้วกว่าหมื่นชิ้น จากนั้นก็ประกอบกลับเข้าไปใหม่ ถอด-ประกอบกลับ ถอด-ประกอบกลับ
ทำซ้ำไปซ้ำมา จนสามารถเรียนรู้กลไกของรถยนต์ไปในตัว คนที่ไอจิเชิญชวนเข้าร่วมอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ก็คือคนงาน
ในโรงงานทอผ้าของคุณพ่อเขาเอง ซึ่งทุกคนต่างยอมเสียสละเวลาพักผ่อนหลังเลิกงาน เพื่อสร้างรถยนต์แห่งชาติ
ที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยกับไอจิโดยไม่เอาค่าแรง มีเพียงข้าวแกงกะหรี่จากฝีมือ
ภรรยาไอจิที่นำมาเติมพลังในค่ำคืนที่อ่อนล้า ไอจิตอบแทนพวกเขาเหมือนครอบครัวเดียวกัน ดูแลทุกความเดือดร้อน
อย่างดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ เช่น เมื่อคนงานคนหนึ่งของเขาต้องออกรบร่วมกับกองทัพทหารญี่ปุ่นในสงครามโลก
ครั้งที่2 และเสียชีวิต เขาเยียวยาด้วยการรับภรรยาหม้ายของคนงานรายนั้นเข้ามาทำงานกับเขาโดยไม่ลังเล
กว่าจะผลิตรถยนต์สำเร็จที่ว่ายากยิ่งกว่าเข็นครก100อันขึ้นภูเขา เมื่อรถยนต์ผลิตออกมาขายในช่วงแรก ปัญหา
นานาชนิดที่เกิดจากการผลิตหลังจากที่ลูกค้าซื้อไปใช้งาน มีแทบทุกวันจนหลายคราวไอจิต้องสั่งทำลายชิ้นส่วน
บางรายการที่ไม่ได้มาตรฐาน เจ้าหน้าที่ต้องขับรถรีบบึ่งไปยังจุดเกิดเหตุที่รถลูกค้าเกิดความเสียหายขึ้นมากระทันหัน
ย่านใจกลางเมืองบ้าง กลางป่าเขาลำเนาไพรบ้าง โดนลูกค้าสวดกันหูชาหาทางกลับบ้านไม่เจอ แต่ไอจิก็ไม่ย่อท้อ
ยังคงให้กำลังใจทีมงานเอาชนะอุปสรรคล้านแปดที่ถาโถมเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน มือของไอจิที่เปื้อนคราบน้ำมันจารบี
อยู่เกือบตลอดเวลาเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้านายประเภทนั่งอยู่บนหอคอยงาช้างชี้นิ้วสั่งงานลูกน้อง
อย่างเดียว แต่ลงไปคลุกคลีตีโมงกับลูกน้องเห็นรายละเอียดของงานทุกแง่ทุกมุม และมือที่เปื้อนคราบน้ำมันนั่นเอง
ที่เอาชนะปราการอันแน่นหนาจากนายธนาคารตาสีเหล็กจากที่เคยดูถูกแนวคิดของไอจิ เมื่อได้เข้าไปสัมผัสรับรู้ถึง
ปรัชญาที่มองเห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ไอจิมอเตอร์ที่เกือบจะล้มละลายเพราะไม่มีธนาคารใดให้เงินกู้
แม้แต่รายเดียว สามารถพลิกฟื้นขึ้นมาจากปากเหวได้สำเร็จอย่างหวุดหวิด
แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยน้ำตาและความสูญเสียในภายหลังด้วยเช่นกัน คือ การปลดคนงานซึ่งเป็นสิ่งที่สร้าง
ความเจ็บปวดให้แก่ไอจิมากที่สุด แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถหลีกพ้นได้ และตัวเขาเองก็แสดงภาวะผู้นำด้วยการ
ขอลาออกพร้อมกับการปลดพนักงานครั้งใหญ่ หลังจากที่เกิดเหตุโกลาหล ทำลายข้าวของเครื่องมือในโรงงาน
พังพินาศโดยเหล่าคนงานที่แอบสืบรู้ว่าบริษัทเตรียมรายชื่อพนักงานที่จะปลดไว้แล้ว
เรื่องบ้าบิ่นที่คนคิดต่างในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไอจิ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์
กล้าทำเพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงศักยภาพรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ที่ประกาศพร้อมจะส่งรถยนต์ออกไปขายทั่วโลก
คือ การแข่งขันความเร็วระหว่างรถไฟความเร็วสูงกับรถยนต์ไอจิ มันคือแคมเปญที่เสี่ยงชนิดที่ถ้าเกิดไอจิแพ้ขึ้นมา
จะต้องเอาหน้าไปมุดไว้ใต้เสื่อทาทามิแต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าแพ้หรือชนะในการแข่งขันครั้งนั้นคือพลังความสามัคคี
ของทีมงานไอจิมอเตอร์ทุกคน ที่เชื่อเหลือเกินว่าถึงผลการแข่งขันวันนั้นไอจิจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่พลังความสามัคคี
ที่ทุกคนทุ่มสุดใจให้ไอจิ อย่างไรเสียวันข้างหน้าพวกเขาย่อมได้พบกับชัยชนะอยู่วันยังค่ำ
LEADERS อาจจะฉายภาพของไอจิว่าเป็นวิศวกรหนุ่มผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์กลไก ในขณะที่
อีกมุมหนึ่งซึ่งเรา ไม่อาจมองข้ามไปได้คือ สายตาที่อ่านขาดเกี่ยวกับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของรถยนต์ไอจิ
บนการแข่งขันของธุรกิจยานยนต์ รถยนต์ส่วนใหญ่ในยุคสงครามโลกครั้งที่2 ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์จากยุโรป
อเมริกา ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ คันโตๆ แต่ไอจิกลับวางตำแหน่งรถยนต์ของเขาไว้ให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก
“แม้ว่ารถขนาดเล็กไม่ใช่กระแสหลักของโลก แต่นั่นจะทำให้มีคุณค่า เพราะมันมีน้อย” การตลาดในยุคนั้นแทบทุก
ประเภทธุรกิจ ต่างอ้างอิงตำราที่ว่า ผลิตสินค้าออกมาเพื่อมวลชนคนทุกระดับ หรือทำสินค้าประเภทที่มีอยู่แล้ว
ในตลาด แต่ไอจิกลับคิดต่างด้วยไอเดียที่โดดเด่น ในเมื่อรถยนต์ขนาดเล็กไม่ใช่กระแสหลักของโลกในตอนนั้น
เมื่อรถของเขาปรากฏสู่สายตาสาธารณชน จึงกลายเป็นที่จับตามอง ซึ่งภายหลังได้มีตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
ในอเมริกา สั่งซื้อรถยนต์ไอจิไปขายจำนวนหลายพันคัน ทีมงานทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพราะต้อง
ปรับสภาพเครื่องยนต์ให้สามารถวิ่งบนถนนได้ต่อเนื่องยาวนาน 12 ชั่วโมง นี่คือความคิดต่างที่สร้างที่ยืนให้แก่ไอจิ
บนเวทีโลก และสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับประเทศญี่ปุ่น
กว่าไอจิจะประสบความสำเร็จ ต้องฝ่าฟันคำสบประมาทไม่น้อย โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า ญี่ปุ่นไม่มีทางที่จะมี
อุตสาหกรรมยานยนต์ของตัวเองได้เด็ดขาด นายธนาคารที่ยังยึดติดกับความแน่นอน ไม่กล้าเสี่ยงกับรถยนต์
แห่งชาติร่วมกับไอจิ ยินยอมจะปล่อยกู้ให้เฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอเท่านั้น แล้วกาลเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า
ในเวลาต่อมาอุตสาหกรรมยานยนต์ได้กลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้และชื่อเสียงไปทั่วโลก
ให้แก่ประเทศญี่ปุ่นจวบจนปัจจุบัน
LEADERS เป็นดีวีดีที่ครูแนะแนว ควรบรรจุไว้ในหลักสูตรการสอนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กวัยรุ่นมีความมุ่งมั่น
กับอนาคตที่วาดฝันไว้ เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมากหากอยู่ในมือเหล่าครูอาจารย์สายอาชีวะ ที่อยากจุดประกาย
ความหมายของคำว่า ”อาชีวะสร้างชาติ” และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผู้ประกอบการไทยที่จ้องแต่จะเอาเปรียบผู้บริโภค
ควรดูไว้เป็นตัวอย่างของการไม่เอาแต่จะมุ่งทำกำไรโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
Teaser ตัวอย่างภาพยนตร์ LEADERS
เมธี เตชะชัยวงศ์
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
5 พฤศจิกายน 2558
Mayt Taechachiwong
Copyright (c) 2015 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole
without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
November 5th,2015
ช่อง Workpoint TV เคยนำมาฉายแบ่งออกเป็น ซีรีส์ 6 ตอนด้วยกัน
เมื่อ 4 ตุลาคม 2557 สามารถชมแบบย้อนหลังได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยครับ
http://www.iseriesonline.com/portfolio/japan-series/leaders/