หลังจากที่ Maserati เปิดภาพภายนอกอย่างเป็นทางการของรถสปอร์ต Gran Tourer เพียงหนึ่งเดียวของค่ายอย่าง GranTurismo ที่มาพร้อมทางเลือกขุมพลังไฟฟ้าเป็นครั้งแรก โดยแบ่งการตกแต่งออกเป็น 3 รุ่น ได้แก่ Modena Trofeo และ Folgore

โดย 2 รุ่นแรกจะใช้เครื่องยนต์เบนซินความจุ 3.0 ลิตร V6 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin- Turbo แรงม้าสูงสุด 490 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ในรุ่น Modena และ 550 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ในรุ่น Trofeo โดยทั้ง 2 รุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

 

ขณะที่รุ่น Fologore เลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 300 – kW แบบ radial motor จำนวน 3 ตัว โดยติดตั้งที่เพลาหน้า 1 ตัว และที่เพลาหลัง 2 ตัว สามารถให้กำลังสูงสุดรวมถึง 829 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,350 นิวตัน-เมตร เก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่รูปทรง T-bone ขนาด 92.5 kWh ผสานกำลังขับจากมอเตอร์กลายเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อม Torque Vectoring

งานออกแบบภายในได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Maserati Grecale ด้วยธีมการออกแบบยุคใหม่ของค่ายตรีศูล แต่ได้เพิ่มเติมรายละเอียดความหรูหราให้สมกับเป็นรถสปอร์ต ด้วยการเพิ่มการเดินด้ายตกแต่งที่คอนโซลหน้าและแผงประตูภายใน พร้อมวัสดุตกแต่งสีเทาเมทัลลิค

 

โดยรุ่น Modena มาพร้อมโทนสีเบจ/ดำ พร้อมวัสดุตกแต่งลายไม้ ขณะที่รุ่น Trofeo มาพร้อมความดุดันด้วยสีดำตัดด้วยด้ายสีแดง พร้อมวัสดุตกแต่งลายคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนรุ่น Folgore มาพร้อมสีน้ำเงิน/ขาว และวัสดุตกแต่งเฉพาะรุ่นเพื่อให้แตกต่างด้วยขุมพลังไฟฟ้า

สำหรับความทันสมัยภายในมาพร้อมกับจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งควบคู่กับจอระบบสัมผัสควบคุมระบบปรับอากาศขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งทาง Maserati เคลมว่าสามารถตอบสนองการสัมผัสได้จนสามารถทดแทนการกดปุ่มแบบปกติ ในขณะที่จอมาตรวัดขนาด 12.2 นิ้ว พร้อมจอ head-up display ก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมีความผสมผสานระหว่างนาฬิกา Digital ที่มีหน้าจอแบบ Analog

 

อย่างไรก็ตาม พวงมาลัยทรง 3 ก้านที่ยกมาจาก Grecale ซึ่งติดตั้งปุ่มควบคุม Start-Stop ควบคู่กับปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ก็สามารถสร้างบรรยากาศการขับขี่แนวสปอร์ตได้อย่างไม่เคอะเขิน ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียงพรีเมียมให้กำลังขับสูงสุด 1,195 วัตต์ ด้วยลำโพงจำนวน 19 ตำแหน่ง จาก Sonus Faber

 

ภายในติดตั้งเบาะนั่ง 4 ตำแหน่งแบบแยกส่วน โดยที่ยังคงความสบายในการเดินทางสไตล์ Gran Tourer ด้วยพื้นที่ภายในที่มากกว่ารถสปอร์ต 2+2 ทั่วไป นอกจากนี้ยังติดตั้งป้ายบอกชื่อรุ่น Granturismo บริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารพร้อมกับธงประเทศอิตาลีและ “Since 1914” ที่บริเวณแผงประตูอีกด้วย

อย่างไรก็ตามทาง Maserati ยังไม่ได้เผยราคาจำหน่ายและกำหนดการอย่างเป็นทางการของ GranTurismo รวมถึงเวอร์ชั่นเปิดหลังคาอย่าง GranCabrio ที่จะต้องเปิดตัวภายในปี 2023 นี้

ที่มา: Carscoops