หลังจากประสบความสำเร็จด้านยอดขายของ ATTO 3 ในเมืองไทยอย่างท่วมท้น ทะยานสู่ยอด 10,000 คัน ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ทาง BYD บริษัทแม่ก็ยังเดินหน้าเตรียมพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะรถ EV ขนาดเล็กที่กำลังเป็นที่นิยมในแผ่นดินแม่ โดยล่าสุดกับ BYD Seagull รถ EV รุ่นเริ่มต้นของค่ายที่เน้นเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก

 

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมกับเส้นสายเรียบง่าย โดยที่กันชนหน้ายังได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่อย่าง Dolphin เพียงแต่นำมาปรับให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมกับไฟหน้าขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ติดตั้งโปรเจคเตอร์ LED และด้วยตัวถังแคบกว่ารถทั่วไป จึงเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดใหญ่ใบเดี่ยวก็เพียงพอแล้ว

ด้านข้างติดตั้งแผ่นตกแต่งชายล่างประตูทำจากพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ สร้างมิติใหม่ให้กับรถ EV ขนาดเล็กให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น พร้อมทั้งติดตั้งพลาสติกซุ้มล้อทรงทันสมัย สร้างภาพลักษณ์ Crossover อีกเล็กน้อย ในขณะที่กระจกประตูคู่หลังมีขนาดเล็กลง และเอียงขึ้นจรดกับขอบหลังคา ซึ่งออกแบบมาให้เป็น Floating roof โดยที่ยังคงใช้มือเปิดประตูแบบดึงเปิดธรรมดา มิใช่แบบเรียบเนียนไปกับตัวรถ

ด้านท้ายมีความทันสมัยด้วยไฟ LED เพรียวบางทรงเหลี่ยมตลอดความกว้างตัวรถ พร้อมกับกันชนหลังขนาดใหญ่ ที่นำเส้นสายจากด้านหน้ามาปรับใช้ได้อย่างลงตัว ติดตั้งฝากระโปรงหลังขนาดใหญ่เพื่อให้ใช้งานขณะขนสัมภาระได้อย่างง่ายดาย ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่สีชมพู Heart beating pink เช่นเดียวกับรุ่น Dolphin

 

มิติตัวถัง

  • ความยาว : 3,780 มม.
  • ความกว้าง : 1,715 มม.
  • ความสูง : 1,540มม.
  • ฐานล้อ : 2,500 มม.

 

นอกจากนี้ยังมีภาพแอบถ่ายภายในของ Seagull ด้วยการนำเส้นสายการออกแบบจากรุ่นพี่อย่าง Dolphin มาใช้ ทำให้มีคอนโซลกลางแบบลอยตัวเสริมภาพหลักให้เป็นรถ EV มีระดับมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม จอกลางระบบ Infotainment จะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่เล็กน้อย แต่ยังช่องชาร์จโทรศัพท์มาให้ครบถ้วน

 

สำหรับตัวเลขทางเทคนิคของขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ยังคงไม่มีหลุดมาในตอนนี้ แต่ทว่า มีการคาดการณ์จากสื่อต้นทาง ว่า Seagull จะใช้แบตเตอรี่ความจุ 30.7 kWh แบบ LFP ที่ผลิตจากบริษัทลูกในเครืออย่าง FinDreams ที่มักจะจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 75 แรงม้า (PS)

สำหรับราคาจำหน่ายของ BYD Seagull ประมาณการไว้อยู่ที่ 60,000 – 100,000 หยวน (290,941 – 484,903 บาท) หากมีอัพเดทเพิ่ม ทาง Headlightmag จะนำมารายงานอีกครั้ง

ที่มา: Carnewschina