การทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติในสหรัฐอเมริกากำลังเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง โดยเฉพาะหากเกิดความผิดพลาด ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอันมีมูลค่ามากเกินกว่าที่ระบบจะรับผิดชอบได้ อีกทั้ง ยังมีความไม่มั่นใจถึงความแม่นยำและความเสถียรของ ระบบสั่งการอัตโนมัติดังกล่าว
ถึงแม้จะมีบริษัทชั้นนำเป็นจำนวนมากถึง 3 ราย ได้แก่ NVIDIA Waymo (ถือหุ้นหลักโดย Google) และ Zoox (โดน Amazon เข้าซื้อกิจการในปี 2020) ที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจากทางการ self-certification process สำหรับกระทำการทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติในเมืองท่าบนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐหรือ ซีแอตเทิล (Seattle)
ขณะที่รัฐวอชิงตันได้ออกกฎเหล็ก เพื่อบังคับให้บริษัทที่จะเข้ามาทำการทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติ ทำประกันด้วยทุนประกันขั้นต่ำเป็นมูลค่าสูงถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 172 ล้านบาท (200 เท่าเมื่อเทียบกับประกันที่มีผู้ขับขี่เป็นมนุษย์ ที่มีทุนประกันอยู่ที่ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 863,250 บาท)
โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2023 เป็นต้นไป
ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ และตัวรถที่จะทำการทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติ ตามมาตรฐานที่ได้รับรองจากทางการและสากล ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ระบบต่างๆ จะทำหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย
ทางด้าน Kai Wang หัวเรือโปรเจ็คของบริษัท Zoox ได้ยืนยันที่จะตั้งมั่นพัฒนาให้ระบบขับขี่อัตโนมัติเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างไร้ข้อกังขา เพื่อให้ยานพาหนะที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดดังกล่าวได้
นอกจากนี้ยังมีบริษัท Start-up อย่าง Cruise LLC ที่ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่อย่าง General Motors เพื่อทำการทดสอบในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนกระทั่งได้รับอนุญาตให้ขนส่งผู้โดยสารระหว่างการทดสอบได้เป็นที่เรียบร้อย
ถึงแม้เทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติจะดูห่างไกลประชาชนคนไทยในขณะนี้ แต่ทว่า มาตรฐานและความเข้มงวดของทางการที่มีความจำเป็นอย่างมาก ในการรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ และการรับผิดชอบที่เหมาะสมจากบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีดังกล่าว จะต้องถูกหารือและคิดค้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ที่มา: Carscoops