Dodge Viper รุ่นปัจจุบันพึ่งเปิดตัวในปี 2013 ที่ผ่านมาหลังจากที่หายไปจากตลาดในปี 2010 แต่ในช่วงเวลาที่
ออกจำหน่ายมาเพียง 2 ปีกลับมีข่าวร้ายว่า Dodge Viper อาจจะถึงจุบจบอีกแล้วในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องมาจาก
ยอดขายที่ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลยจนถึงกับขนาดที่จะต้องพิจารณาปิดโรงงานที่ผลิตรถยนต์รุ่นนี้

2016-dodge-viper-acr-front-three-quarter-02

มีรายงานจาก Allpar ว่า Fiat Chrysler Automobile (FCA) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Dodge ได้เซ็นสัญญากับสหพันธ์
แรงงานรถยนต์ United Auto Workers Union มีแผนที่จะปิดโรงงานรถยนต์ Connect Avenue Assembly Plant
ใน Detroit ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิต Viper มาตั้งแต่ปี 1995 จนถึงปัจจุบันและในขณะนี้มีรถยนต์เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น
ที่ขึ้นสายการผลิตที่นี่

2015-Dodge-Viper-GT-112-626x382

การตัดสินใจปิดโรงงานดังกล่าวมีผลมาจากยอดขายของ Viper ที่จัดอยู่ในเกณฑ์ระเนระนาดแม้ว่าทางผู้ผลิตจะไม่ได้
ตั้งใจให้ Viper เป็นตัวทำเงินอยู่แล้วแต่ยอดขายระดับไม่กี่ 10 คันต่อเดือนนั้นอยู่ในระดับที่จะก่อให้เกิดภาวะขาดทุน
ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี 2015 Dodge Viper ขายได้เพียง 503 คันซึ่งต่ำกว่ายอดขายในปีที่แล้ว 8% แต่ถ้านับยอดขาย
ในเดือนกันยายนเพียงอย่างเดียวมี Viper ขายออกเพียง 49 คันเท่านั้นซึ่งต่ำกว่ายอดขายในช่วงเวลาเดียวกัน
ของปีที่แล้วถึง 55%

แต่ใช่ว่า FCA จะไม่พยายามทำอะไรเลยที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย Dodge Viper ตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2013 เป็นต้นมา
มีการออกจำหน่ายรุ่นพิเศษถึง 2 รุ่นอันได้แก่ TA และ ACR และไม่นานมานี้มีการลดราคาค่าตัว Viper ทุกรุ่นแบบเทกระจาด
ถึง 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐแต่ยอดขายยังคงตำเตี้ยเลี่ยดินเช่นเคยเนื่องจากลูกค้าที่อยากได้รถบ้าพลังจากค่าย Dodge
นั้นต่างพากันไปซื้อ Challenger และ Charger Hellcat กันหมด จนนำไปสู่การตัดสินใจการผลิต Dodge Viper
ตามที่รายงานมา

Dodge Viper ใช้เครื่องยนต์ V10 8.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 649 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด
82.95 กก-ม. (813 นิวตันเมตร) ที่ 5,000 รอบ/ นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะซึ่งถ่ายทอดกำลังทั้งหมดลงล้อหลัง
ให้สมรรถนะอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.4 วินาทีและจัดว่าเป็น 1 ในรถ sport ไม่กี่กันที่ใช้เครื่องยนต์
block ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้แถมรักษาเอกลักษณ์ประจำรุ่นตั้งแต่รุ่นแรกด้วยการทำท่อไอเสีย
ยิงออกข้างประตู

 

ที่มา : motortrend, autoevolution