นับตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไปเราจะเห็นปฏิบัติการพาเหรดปรับโฉมหน้ารถยนต์ในแบรนด์ในเครือ Chrysler ให้น่าใช้ยกกระบิแทบจะทุกรุ่นเพื่อสร้างความดึงดูดใจให้ลูกค้าหันกลับมามองรถยนต์ในเครือ Chrysler กันอีกครั้ง หลังจากแบรนด์เริ่มเสื่อมเสียศรัทธาด้านคุณภาพตัวรถเข้าไปทุกวัน
คราวนี้ก็ถึงคิวปรับรูปโฉมและคุณภาพ Dodge Journey เสียแล้วหลังจากเปิดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกานาน 3 ปีในฐานะครอสโอเวอร์ขนาดกลางระดับเดียวกับ Mazda CX-7 และ Nissan Murano ปรับโฉมหน้าตาภายนอกไม่เท่าไร แต่ภายในนี่สิทำให้เรานับถือความพยายามในการปรับปรุงคุณภาพของ Chrysler ขึ้นมาบ้าง
ดีไซน์ภายนอกแทบจะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันใดนัก แต่หากสังเกตดี ๆ พบว่า Dodge ปรับเปลี่ยนลวดลายกระจังหน้าทรงบวกจากเส้นทึบให้กลายเป็นให้กลายเป็นขอบแนวโครเมี่ยมบางเฉียบ พร้อมเปลี่ยนโลโก้ Dodge จากสัญลักษณ์รูปให้กลายเป็นตัวอักษร
เพื่อความสปอร์ตและดูสุขุมยิ่งขึ้น Dodge จึงเปลี่ยนลายล้อแมกซ์ขนาด 19 นิ้วลายใหม่สวยเงางามจับตา ส่วนบั้นท้ายก็เปลี่ยนเพียงแค่รายละเอียดโคมไฟท้ายใหม่ โดยเฉพาะไฟเบรคท้ายหลอดวงกลมข้างในซึ่ง Dodge เรียกเอกลักษณ์ไฟท้ายแบบนี้ว่า ring of fire
ภายในห้องโดยสารถูกปรับเปลี่ยน “ยกกระบิ” จากของเดิมที่ดูทั้งเฉิ่มและเชยยิ่งกว่ารถกระบะในประเทศไทยให้กลายเป็นชุดภายในที่ดูมีดีไซน์หรูหรา ทันสมัย เหมาะสมกับสรีระผู้ใช้มากยิ่งขึ้น จุดเด่นของมันหนีไม่พ้นแผงควบคุมการใช้งานด้วยจอสัมผัสที่เรียกกันว่า Uconnect Touch สามารถควบคุมการทำงานระบบเครื่องปรับอากาศแยกซ้าย-ขวา ได้ รวมไปถึงควบคุมการทำงานระบบนำทาง
จุดเด่นสำคัญคือจอสีบอกข้อมูลการขับขี่จอสีบริเวณตรงกลางมาตรวัดหรือที่เรียกว่า electronic vehicle information center (EVIC) นอกจากนี้คอนโซลกลางยังติดตั้งช่องเสียบปลั๊กไฟฟ้า 12 โวลต์และพอร์ต USB สำหรับการเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลง
เครื่องยนต์ก็ติดตั้งบล๊อก Pentastar ขนาด 3.5 ลิตร 283 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.88 กิโลกรัมเมตร แรงขึ้นกว่าเครื่องยนต์ V6 บล๊อกเดิมถึง 20% จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะสุดนุ่มนวล
กำหนดวางจำหน่าย Dodge Journey Minorchange รวดเร็วทันใจภายในไตรมาสนี้ทั่วสหรัฐอเมริกาครับ