Hyundai ได้เปิดตัวพร้อมรายละเอียดตัวเลขสมรรถนะและขุมพลัง ยกเว้นราคาจำหน่ายของ Ioniq 6 ไปเมื่อต้นเดือน ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา ทำให้ยอดจองที่กวาดไปก่อนหน้านี้นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน ไม่ได้เกิดความคาดหมาย เนื่องจากตัวรถมีความโดดเด่นด้วยงานออกแบบภายนอกล้ำสมัยไม่เหมือนใคร พร้อมทั้งสถาปัตยกรรม High-volt แรงดันสูง 800V
โดย Hyundai เตรียมเปิดตัวรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดเพียง 2,500 คัน เพื่อเป็นการเปิดศักราชใหม่ของรุ่น ภายใต้ชื่อ Ioniq 6 First Edition ซึ่งจะพร้อมจำหน่ายในเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ด้วยการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป
ภายนอกเน้นการตกแต่งด้วยสีดำเงารอบคัน ตั้งแต่ลิ้นหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนหลัง พร้อมฝาครอบกระจกมองข้าง โลโก้ Hyundai เป็นสีดำอะลูมิเนียม โดดเด่นด้วยล้ออัลลอย 20 นิ้ว ทำสีดำด้านและใช้ลวดลายแบบอสมมาตร โดย Ioniq 6 First Edition มีสีตัวถังให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Biophilic Blue Pearl สีขาว Serenity White Pearl สีเทา Nocturne Grey Metallic และสีทอง Gravity Gold Matte
ภายในตกแต่งด้วยสีดำเสริมความเข้มขรึม วัสดุหุ้มเบาะใช้ผ้าสีเทาลายคลาสสิคผสมกับหนัง พร้อมพรมปูพื้นพิเศษเฉพาะรุ่น
Ioniq 6 First Edition มีแบตเตอรี่ให้เลือกเพียงความจุเดียว ได้แก่ 77.4 kWh และพลังขับเคลื่อนเร้าใจด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ให้กำลังสูงสุด 325 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 605 นิวตัน-เมตร โดยระยะทางสูงสุดต่อ 1 การชาร์จจะขึ้นอยู่กับขนาดของล้ออัลลอย หากเลือกติดตั้งขนาด 18 นิ้ว จะสามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 583 กิโลเมตร ในขณะที่ล้ออัลลอยที่ใหญ่ขึ้น 2 นิ้ว จะทำให้ระยะทางวิ่งสูงสุดลดลงเหลือ 519 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
หากเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 614 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรี่ความจุเท่ากัน เมื่อจับคู่กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หากขยับเป็นล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว จะวิ่งได้ลดลงเหลือ 545 กิโลเมตร รวมไปถึงรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 53 kWh และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 429 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP เช่นเดียวกัน
สำหรับลูกค้าคนพิเศษที่ได้เป็นเจ้าของ Hyundai Ioniq 6 First Edition จะได้รับบริการ Ionity Premium package ฟรี 1 ปี ที่มาพร้อมส่วนลดในการใช้จุดบริการชาร์จไฟและสิทธิพิเศษอื่นๆ แต่ก็ต้องแลกกับราคาจำหน่ายที่สูงกว่ารุ่นปกติที่ 54,995 ปอนด์ โดยจะเริ่มส่งมอบได้ในช่วงเดือน เมษายน 2023 นี้