การพัฒนาของ bZ3 เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Toyota เอง และ FAW Toyota Motor Co. Ltd. (FAW Toyota) Toyota รวมไปถึงบริษัทร่วมทุนระหว่าง BYD และ Toyota อย่าง BYD TOYOTA EV TECHNOLOGY CO., LTD. (BTET) เพื่อเป็นแม่งานในการออกแบบรถซีดานขุมพลังไฟฟ้าเจาะตลาดจีนโดยเฉพาะ ซึ่งในปัจจุบันนับเป็นตลาดรถ EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยทีมวิศวกรจาก Toyota แผนกวิจัยและพัฒนา แผนกการผลิต แผนกควบคุมคุณภาพ และแผนกอื่นๆ อีกมากมาย ที่ร่วมกันสรรค์สร้างผลงานที่เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 3 บริษัทนี้
เมื่อย้อนกลับไปถึงความสำเร็จของการวางจำหน่ายรถ Hybrid ตัวถังซีดาน รุ่น Prius เมื่อปี 1997 นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีขุมพลังขับเคลื่อนยานยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้า และมีการวิจัยประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ จนกระทั่งเป็นผู้นำยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาดจากแก๊สไฮโดรเจนอีกด้วย และไม่ทิ้งความสนุกในการขับขี่ ซึ่งทางค่ายได้เน้นย้ำมาตลอด 4-5 ปี นี้ ตามแนวทางของ CEO
ความร่วมมือนี้เกิดจากศักยภาพของบริษัทชั้นนำจากประเทศจีนอย่าง BYD เกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนควบอื่นๆ ของระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นำไปสู่พื้นฐานตัวรถ e-Platform 3.0 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับขุมพลังไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยม
Toyota bZ3 ถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิด electrified dynamic และ enjoyable ซึ่งแปลได้โดยย่อว่า รถ EV ที่ให้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่และยังสามารถรักษาเสถียรภาพได้อย่างดีเยี่ยม
ภายนอกออกแบบภายใต้รูปทรงของฉลามหัวค้อน ที่มีด้านหน้าดุดันน่าเกรงขาม แต่มีเส้นสายตลอดรอบคันช่วยทำให้รถดูโดดเด่น และใหญ่กว่าขนาดจริง เส้นสายด้านท้ายลาดเอียงจนทำให้ตัวรถมีรูปทรงแบบ Fastback กันชนหน้ายังถูกติดตั้งช่องดักลมที่ใช้ได้จริง สามารถเพิ่มการระบายความร้อนให้กับชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีมือเปิดประตูแบบเรียบ ล้ออัลลอยที่ถูกออกแบบไหลมาโดยเฉพาะกันชนหลัง ซึ่งถูกปรับเส้นสายให้ลดแรงต้านอากาศ ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ต่ำสุดเพียง 0.218
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,725 มม.
- ความกว้าง: 1,835 มม.
- ความสูง: 1,475 มม.
- ฐานล้อ: 2,880 มม.
- ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd): 0.218
ภายในถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Family Lounge หรือ ห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัว ที่พร้อมจะมอบพื้นที่แห่งความสุขและความสบายระหว่างการเดินทาง เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เรียบง่าย และยังมีทัศนวิสัยรอบคันที่กว้างขวางใหญ่โตเกินขนาดของตัวรถ เน้นการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย โดยผนวกเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้เกิดประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารที่ดีเยี่ยม
พวงมาลัยรูปทรงแปลกประหลาด ยืมมาจากรุ่นพี่ bZ4X เนี่ยนอกจากนี้ ยังมีเส้นสายที่เฉียบคมของตอนโซล ซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากภายนอก โดดเด่นด้วยจอกลางขนาดใหญ่ ติดตั้งแบบฝังตัว มาพร้อมระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย และการผนวกการทำงานของโทรศัพท์เข้ากับระบบและฟังก์ชั่นของตัวรถ รวมไปถึงการทำงานผ่านแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ การสั่งงานด้วยเสียงที่ถูกปรับปรุงให้รองรับการใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมไปถึงการสั่งการเปิดฝากระโปรงท้าย เป็นต้น
ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งผนวกความสามารถอันยอดเยี่ยมของแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD เข้ากับประสบการณ์ที่สะสมมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากรถ Hybrid ของ Toyota ทำให้ bZ3สามารถมีระยะทางวิ่งได้สูงสุดต่อ 1 การชาร์จที่ 600 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างแบตเตอรี่ ระบบระบายความร้อน ชุดควบคุมระบบไฟฟ้า และระบบตรวจสอบความผิดพลาดเพื่อความปลอดภัย ยังถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อ bZ3 โดยเฉพาะ
ภายใต้สถาปัตยกรรมล่าสุด e-TNGA ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบที่ ไม่เคยพบเจอในรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในมาก่อน รวมไปถึงการออกแบบตำแหน่งของเบาะที่นั่งเพื่อลดความเหนื่อยล้ายามขับขี่ทางไกล เสริมประสบการณ์การมีส่วนร่วมระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถในทุกการเคลื่อนไหว
FAW Toyota พิสูจน์ถึงความสามารถในการผลิต รถยนต์ที่มีคุณภาพรวมไปถึงการดูแลลูกค้าหลังการขาย หากย้อนไปเมื่อปี 2000 ทาง FAW ก็ได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงขั้นตอนการบริการหลังการขาย ซึ่งทำให้มีอัตราการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปัจจุบัน FAW มียอดผลิตสะสมสูงสุดถึง 10 ล้านคัน และเตรียมเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการเริ่มผลิต bZ3 และ bZ series รุ่นต่อๆ ไป
ที่มา: Toyota , Sohu
นอกจากนี้ทาง Toyota ยังเตรียมเปิดตัวรถ Crossover ปริศนาในตระกูล bZ-series เร็วๆ นี้