วันนี้ ผู้เขียนได้ลองย้อนหาอ่านข่าวเก่าเล่น ๆ ก็เจอข่าวหนึ่งครับ เป็นข่าวสยองขวัญน่าดู นั่นคือข่าวร้อยตำรวจโทท่านหนึ่ง
ขี่จักรยานตัดหน้ารถบรรทุกขนาดใหญ่ขณะกำลังรอเลี้ยวขวา ตำรวจท่านนี้ขี่จักรยานแซงรถบรรทุกจากด้านซ้ายของตัว
รถบรรทุกขณะจอดหยุดนิ่ง แล้วเขาก็ตัดสินใจปั่นขึ้นตัดหน้ารถบรรทุกใน “ระยะกระชั้นชิด” และในชั่วพริบตา ผู้ขับ
รถบรรทุกก็เดินหน้าเลี้ยวขวาโดยที่ยังไม่ทันเห็นผู้ชายที่ขี่รถจักรยานตัดหน้า จึงทำให้ร้อยตำรวจโทท่านนั้นโดนรถบรรทุก
ทับเสียชีวิตทันที

ที่มาภาพจาก 9gag.com

ที่มาภาพจาก 9gag.com

เรื่องราวของเหตุการณ์นี้ก็น่าจะเกิดจากหลายคนยังไม่เคยทราบเลยว่า รถบรรทุกขนาดใหญ่ต่างก็มีจุดอับหรือมุมมืดบอด
เพียบ หลายคนแอบคิดไปเองว่ารถแบบนี้มันอยู่สูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่นมาก แถมติดตั้งกระจกช่วยส่องสารพัด ก็น่าจะมี
มุมมองการมองเห็นทัศวิสัยกว้างไกลสิ

ในโลกของความเป็นจริง ถ้าคนขับรถบรรทุกมองเห็นได้ทุกมุมจริงคงไม่มีข่าว รถบรรทุกเหยียบคนตายแทบจะทุกวันครับ

ภาพนำมาจาก thestickybidon.com/blind-spots

ภาพนำมาจาก thestickybidon.com/blind-spots

ผู้เขียนเลยอยากจะรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน Headlightmag.com โดยผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะ
สามารถรักษาชีวิตคุณผู้อ่าน, คนรอบข้างคุณผู้อ่านและทุก ๆ คนในประเทศไทยให้อยู่รอดปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
ร่วมกับผู้อื่นครับ

ที่มาของจุดบอดรถบรรทุก

รถบรรทุกถูกออกแบบให้เป็นรถที่ต้องรับภาระหนักหนาสาหัสกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลมาก จึงไม่แปลกที่รถบรรทุกทุกคัน
บนโลกนี้จะต้องมีจุดศูนย์ถ่วงในตำแหน่งสูงกว่ารถทั่วไปเพื่อรองรับงานหนัก และพลอยทำให้มีตำแหน่งโดยสารและการ
ขับขี่สูงไปด้วย แต่รัศมีการมองเห็นของมนุษย์มีข้อจำกัด ประกอบมิติตัวถังที่ใหญ่โตมหึมาขนาดนั้น ก็ไม่ต้องแปลกใจเลย
ว่าทำไมรถบรรทุกจึงกลายเป็นรถที่ผู้ขี่จักรยานและจักรยานยนต์ควรห่างไกลมากที่สุด

ที่มาภาพจาก rideonmagazine.com.au/turning-blind/

ที่มาภาพจาก rideonmagazine.com.au/turning-blind

ดังนั้น ผู้ขับขี่รถบรรทุกไม่สามารถมองเห็น วัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะ ที่มีความสูงน้อยกว่าความสูงของรถบรรทุก หาก
วัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะ อยู่รัศมีที่ใกล้กับรถบรรทุกมากเกินไปหรืออยู่ในรัศมีที่กระจกมองข้างส่องไม่ถึง

ที่มาภาพจาก rideonmagazine.com.au/turning-blind/

ที่มาภาพจาก rideonmagazine.com.au/turning-blind (โปรดสังเกตพื้นที่สีเขียวคือพื้นที่ผู้ขับรถมองเห็นเท่านั้น)

จุดอันตรายมี 4 จุด

ผู้ขับขี่รถบรรทุกไม่สามารถมองเห็นวัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะได้เลย ถ้าหาก

ที่มาภพา tmr.qld.gov.au

ที่มาภาพ tmr.qld.gov.au

1. วัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะที่อยู่ในตำแหน่งด้านหน้ารถบรรทุกที่ห่างกันไม่เกิน 3-6 เมตร (นี่คือตำแหน่งที่คร่าชีวิต
ร้อยตำรวจโทที่ผมเอ่ยตอนต้นเรื่อง) ถ้านึกไม่ออกก็ลองมองภาพด้านล่างนี้ครับ

ที่มาภาพ Youtube.com

ที่มาภาพ Youtube.com

2. วัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับด้านขวาหัวเก๋ง ขนาบข้างรถบรรทุก
3. วัตถุ/มนุษย์/ยานพาหนะที่อยู่ในตำแหน่งด้านซ้ายของหัวเก๋งรถบรรทุก จุดนี้เป็นจุดอันตรายมากที่สุด เพราะผู้ขับขี่จะมองไม่เห็นรัศมีเฉียงลงมาถึง 3 เลน
4. และจุดบอดมาตรฐานที่ Common Sense ของมนุษย์ต้องรู้ดีคือ ด้านหลังรถบรรทุกนั่นเอง
วิธีหลีกเลี่ยงจุดอันตราย

ผู้ขับขี่หรือผู้เดินทางเท้าไม่ควรอยู่ใกล้รถบรรทุก หากผู้ขับขี่หรือผู้เดินทางเท้าไม่สามารถมองเห็นกระจกมองข้างของ
รถบรรทุกได้ (คือต้องเห็นมุมที่สะท้อนมองเห็นตนเองได้) นั่นหมายความว่าผู้ขับรถบรรทุกก็จะมองไม่เห็นคุณเลย หรือถ้า
ใครไม่อยากเสี่ยงก็โปรดจงหลีกเลี่ยงโซนอันตรายให้ได้จะดีที่สุด

2015_10_14_Trucks_Blind_Spot_5

ที่มาภาพ Youtube

และนี่คือกฎตายตัวที่รวบรวมจากสมาพันธ์หรือสมาคมความปลอดภัยทั่วโลกที่สามารถสรุปได้ดังนี้

1.จงอยู่ด้านหน้ารถบรรทุกให้มีระยะห่างมากกว่า 3 คันรถ
2.หากตามหลังรถบรรทุกควรทิ้งระยะห่างประมาณ 88 เมตร (หากต้องการแซง ควรเปิดสัญญาณไฟเพื่อให้ผู้ขับรถบรรทุก
เห็นล่วงหน้า)
3.ไม่ควรวิ่งแซงรถบรรทุกขณะรถบรรทุกกำลังเลี้ยว
4.ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งจุดบอดตามแผนภาพที่กล่าวไว้

ที่มาภาพ citymetric.com

ที่มาภาพ citymetric.com

ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปั่นจักรยานและนักบิด
ทุกท่านที่จะต้องเรียนรู้มุมบอดของรถบรรทุกและหลีกเลี่ยงจุดอันตรายเหล่านี้

และที่สำคัญคือ ทุกคนต้องตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท เพราะความประมาทคือหนทางแห่งความตายครับ


ข้อมูลอ้างอิง

https://rideonmagazine.com.au/turning-blind/

http://www.tmr.qld.gov.au/Safety/Driver-guide/Sharing-the-road-with-other-road-users/Heavy-vehicles.aspx

http://www.truck.net.au/public/ata-safety-truck

http://crimsonconcrete.unst.pdx.edu/website/?page_id=452

http://www.citymetric.com/transport/lorries-have-been-involved-six-cycling-fatalities-london-year-it-s-time-tackle-blind-spot