หลังจากที่ Ford ได้เปิดตัว Mustang รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ยังคงมีทางเลือกเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.3 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged (EcoBoost) และเครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ Coyote 5.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

และหากใครที่ยังไม่พอใจกับรุ่น GT V8 ซึ่งก็ถือว่ามีพละกำลังและการตกแต่งแบบสปอร์ตพอประมาณ ก็ยังสามารถเพิ่มเงินเลือกซื้อรุ่น Dark Horse ที่เพิ่มข้าวของและพละกำลังให้ Mustang สมบูรณ์แบบไปอีกขั้น โดยถือว่าเป็นรุ่นย่อยใหม่ที่เป็นรุ่นย่อยบนสุดสำหรับรถ Mustang เวอร์ชั่นถนนในตอนนี้ ซึ่งโดยปกติแฟนเจ้าม้าป่าจะคุ้นเคยกับชื่อรุ่น Bullitt และ Mach 1 มากกว่า

 

โดยการปรับปรุงหลักในส่วนของขุมพลัง จะมีการเปลี่ยนไปใช้ก้านสูบจากเครื่องยนต์ของ Shelby GT500 นอกจากนี้ยังติดตั้งท่อไอดีแบบคู่ พร้อมปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มเติม ทำให้ได้ตัวเลขพละกำลังประมาณ 500 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ จาก Tremec ที่ได้ติดตั้ง Oil cooler และปรับแต่งมาให้รองรับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ เป็นทางเลือกโดยทาง ยังไม่สรุปสเปคเครื่องยนต์ทั้งหมดและอัตราเร่งอย่างเป็นทางการในตอนนี้

ช่วงล่าง Adaptive suspension จาก MagneRide ที่เป็นอฟชั่นในรุ่นธรรมดาและ GT ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำงานด้วยความถี่ในการตรวจสอบการเคลื่อนที่ของล้อและยางจำนวน 1,000 ครั้งต่อวินาที อีกทั้งยังมาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกจาก Brembo จำนวน 6 พ๊อต หากเลือกติดตั้ง Appearance Package จะได้คาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงิน Notorious Blue

 

สำหรับใครที่ต้องการสมรรถนะของช่วงล่างที่สามารถยึดเกาะถนนได้ตามสั่งสามารถเลือกติดตั้ง Handling Package เพิ่มเติม โดยเริ่มที่ชุดแต่งภายนอกสปอยเลอร์ด้านหลังขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับครีบรีดอากาศ ในส่วนของช่วงล่างมีการเพิ่มค่าความแข็งของสปริง และขยายขนาดของเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli Trofeo โดยลูกค้ายังสามารถจ่ายตังค์เพิ่มไปอีกขั้น เพื่อที่จะได้รับล้อที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา

 

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมไฟหน้าที่เพิ่มเติมการตกแต่งแบบรมดำเพิ่มความดุดัน พร้อมกับกระจังหน้าสีดำเงา สเกิร์ตด้านข้างเพิ่มความสปอร์ตและทำให้ตัวรถดูเตี้ยลง ดิฟฟิวเซอร์ที่กันชนท้ายขนาดใหญ่ ปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ เปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์เฉพาะรุ่น Dark Horse ที่ใช้สีฟ้า Blue Ember metallic เป็นพื้นหลัง

 

ภายในยังเพิ่มเติมการตกแต่งไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยแบบท้ายตัด หุ้มด้วยหนังแท้สีดำ และเดินได้ด้วยสีน้ำเงินพร้อมตกแต่งด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่เบาะนั่งภายในหากลูกค้าติดตั้ง Appearance Pack จะได้เบาะหนังทรงสปอร์ตสีน้ำเงิน Deep Indigo Blue พร้อมช่องระบายอากาศเฉพาะตัว ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียง B&O audio system 12 ลำโพง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หน้าจอชุดมาตรวัด ขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอระบบความบันเทิงแบบสัมผัส ขนาด 13.2 นิ้ว ที่ปรับมุมองศาเข้าหาผู้ขับขี่ องรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto และระบบปฏิบัติการ SYNC 4

 

อย่างไรก็ตาม Ford ยังไม่ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Mustang Dark Horse รวมถึงวันที่วางจำหน่าย

ที่มา: Carscoops