Nissan เปิดตัว Rouge รหัสตัวถัง T33 เป็นครั้งแรกที่ตลาดอเมริกาเหนือในปี 2020 ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศใดๆ จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ในปี 2022 ที่ผ่านมา บล็อกใหม่ล่าสุด มาพร้อมเทคโนโลยี VC-Turbo หรือ Variable Compression ratio ที่สามารถปรับอัตราส่วนกำลังอัดระหว่าง 8.0:1 – 14.0:1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพละกำลังได้ตามใจสั่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามทาง Nissan ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัว X-Trail ตัวถัง T33 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาด้วยขุมพลัง e-POWER เป็นครั้งแรก ที่จับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 VC-Turbo กับระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% หรือในรูปแบบ Full Hybrid แบบอนุกรม โดยมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์อีกชุดที่ล้อหลัง โดย Nissan ใช้ชื่อทางการตลาดว่า e-FORCE
ถึงคราวชาวยุโรปได้สัมผัส X-Trail ใหม่กันเสียทีเป็นภูมิภาคสุดท้าย ตามหลังประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดกันมาติดๆ งานออกแบบภายนอกยังคงอ้างอิงได้จาก เวอร์ชั่นที่จำหน่ายประเทศอื่นๆ จะมีเพียงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่เพิ่มเติมเข้ามา ในรุ่นบนสุด นอกจากนี้กระจังหน้ายังทำสีดำเงา เพื่อเสริมลุคสปอร์ต
สำหรับภายในรุ่น 7 ที่นั่ง เบาะแถวหลังสุด สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร โดยเบาะแถว 2 ยังสามารถปรับได้แบบอัตราส่วน 40 : 20 : 40 พร้อมที่เท่าแขนสามารถปรับเพิ่มพื้นที่สัมภาระที่มีความยาวได้ จอกลางพร้อมระบบเชื่อมต่อครบครันทั้ง Apple Carplay และ Android Auto ขนาด 12.3 นิ้ว
ด้วยขุมพลัง 2 ทางเลือก ในรุ่นเริ่มต้นจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 VC-Turbo จับคู่ระบบ Mild-hybrid ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 9.6 วินาที มีแต่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเท่านั้น จับคู่เกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT สามารถเลือกได้ทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง
ในขณะที่รุ่น e-POWER แบ่งเป็น 2 ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกเฉพาะแบบ 5 ที่นั่ง เท่านั้น ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
รุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ e-FORCE ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 525 นิวตัน-เมตร (เพิ่มแรงบิดจากมอเตอร์ด้านหลังอีก 195 นิวตัน-เมตร) สามารถเลือกได้ทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง อัตราเร่ง ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.0 วินาที ในรุ่น 5 ที่นั่ง และภายใน 7.2 วินาที ในรุ่น 7 ที่นั่ง ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
โดยเริ่มเปิดรับจองแล้วตั้งแต่วันที่เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้น 32,030 ปอนด์ (1,343,587 บาท) สำหรับรุ่น 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 VC-Turbo จับคู่ระบบ Mild-hybrid และรุ่นสูงสุด 47,155 (1,978,005บาท) สำหรับรุ่น 7 ที่นั่ง ขุมพลัง e-POWER ขับเคลื่อน 4 ล้อ e-FORCE
ที่มา: Motor1