ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ทาง Koenigsegg ได้เปิดตัวรถ Hypercar รุ่นแรกหรือที่ทางค่ายนิยามเอาไว้ว่า Megacar กับรุ่น CC8S ในวาระครบรอบนี้ ทาง Koenigsegg จึงได้เปิดตัวรถรุ่น CC850 ที่ที่งาน Monterey Car Week หรือ Pebble beach festival สหรัฐอเมริกา ด้วยแนวคิดที่อ้างอิงจากรุ่นพี่ แต่ถูกปรับให้ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีระดับแนวหน้า ทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ให้สมกับการเป็น Koenigsegg ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือชั้น
โดย Christian von Koenigsegg ประธานและผู้ก่อตั้ง Koenigsegg ได้กล่าวว่า “CC850 เป็นรถที่เค้าตั้งใจจะทำออกมาเพื่อเฉลิมฉลองในวันเกิดของตัวเอง รวมถึงการครบรอบของบริษัทที่ได้ดำเนินกิจการและผลิตรถยนต์มาแล้วกว่า 20 ปี” ด้วยเหตุนี้ Koenigsegg จึงจำกัดจำนวนการผลิตของ CC850 ไว้ที่ 50 คัน
งานออกแบบภายนอกเน้นเส้นสายที่เรียบง่าย ตามสไตล์ Nordic ไฟหน้ามีการปรับรายละเอียดภายในโคมให้ทันสมัย แต่ก็ยังทิ้งกลิ่นอายจากรุ่น CC8S อยู่ไม่น้อย รวบไปถึงงานออกแบบด้านข้าง ที่ติดตั้งช่องรับลมขนาดใหญ่ ทำหน้าที่จัดการกับกระแสลม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Koenigsegg ทุกรุ่น โดยหลังคาสามารถถอดเก็บในฝากระโปรงหน้าได้ เพื่อแปลงโฉมเป็น Roadster พร้อมล้ออัลลอยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปุ่มหมุนตัวเลขของโทรศัพท์ในสมัยก่อน ไฟท้ายแยกส่วนข้างละ 3 ดวงแบบมินิมอล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นใหม่ๆ ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์ที่ยกตัวขึ้นตามความเร็วที่กำหนด
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,364 มม.
- ความกว้าง: 2,024 มม.
- ความสูง: 1,127 มม.
- ระยะฐานล้อ: 2,700 มม.
- น้ำหนักตัวรถ Kerb Weight : 1,385 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน: 72 ลิตร
ภายในเน้นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และเน้นการออกแบบในลักษณะสมมาตร เพื่อเอื้อประโยชน์ในการสลับตำแหน่งพวงมาลัยจากซ้ายไปขวา พวงมาลัยดีไซน์แปลกตาแบบ 2 ก้าน แต่มีขนาดวงใหญ่กระชับมือ และที่น่าสังเกตคือเป็นวงกลมแบบเต็ม ไม่ใช่แบบ D-Shape เหมือนรถแข่งทั่วไป ในขณะที่หัวเกียร์ประดับด้วยธงชาติสวีเดน ที่พิเศษยิ่งกว่าด้วยการโชว์กลไกบริเวณใต้ฐานเกียร์ รวมไปถึงมาตรวัดที่เป็นแบบเข็มล้วน ไม่มีตัวเลขหรือจอใดๆ และออกแบบอ้างอิงจากนาฬิกาข้อมือแบบ chronograph วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนัง หรือหนังกลับ Alcantara พร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple carplay และ Wireless charging
ขุมพลังที่ยกมาจาก Koenigsegg Jesko แต่ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้เชื้อเพลิง E85 ได้ เครื่องยนต์เบนซิน V8 DOHC 32 วาล์วขนาด 5.0 ลิตร กระบอกสูบ x ช่วงชัก 92 x 95.25 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 8.71:1จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พ่วง Intercooler ให้กำลังสูงสุด 1,385 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85 และ 1,185 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที เมื่อใช้น้ำมันเบนซินทั่วไป แรงบิดสูงสุด 1,385 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมระบบ Engage Shift System (ESS) ที่ทำให้เปลี่ยนเกียร์แบบเกียร์ธรรมดา H-Pattern ได้ พร้อมคลัทซ์ไฟฟ้า โดยจะเหลือเพียง 6 จังหวะ สมองกลจะปรับอัตราทดให้เข้ากับโหมดการขับขี่ได้ 3 แบบ ได้แก่ Wet/Normal/Track ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการใช้ระบบส่งกำลังแบบนี้ อีกทั้งยังสามารถเมื่อเข้าสู่โหมด D เหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป และชุดสมองกลจะสั่งการใช้เกียร์ทั้ง 9 จังหวะอย่างเหมาะสมตามรอบเครื่องยนต์และความเร็ว
อุปกรณ์ความปลอดภัยมีให้พอใช้งาน ด้วยถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง เซนเซอร์กะระยะ หน้า-หลัง กล้องถอยหลังและระบบเตือนเมื่อเข้าใกล้สิ่งกีดขวาง เบรกหน้าขนาด 410 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 6 ลูกสูบ และ เบรกหลังขนาด 395 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ พร้อมล้ออัลลอยคู่หน้าขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/35 R20 ในขณะที่คู่หลังจะใช้ขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 325/30 R21
สำหรับราคาจำหน่ายทาง Koenigsegg ยังไม่เปิดเผยในขณะนี้
ที่มา: Koenigsegg