นับวัน Chrysler ยิ่งทำรถสวยขึ้น ดูดีขึ้น ทันสมัยขึ้นจนน่าใช้ขึ้นกว่าอดีตชาติมากมายยิ่งนัก (แต่เรายังไม่แน่ใจว่าจะขับดีขึ้นแล้วหรือยัง แต่เอาเป็นว่าแค่รูปร่างหน้าตามีเสน่ห์ขึ้นก็ถือว่าพัฒนาแล้ว) จนเราแอบมีความรู้สึกว่า ทำไมไม่ทำให้เร็วกว่านี้ล่ะ Chrysler Group จะได้เจริญรุ่งเรืองกว่าที่ผ่าน ๆ มา แต่เอาเถิดครับอดีตก็คืออดีต Chrysler ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วอนาคตจะดีเอง
แล้วยิ่งรถยนต์ระดับ iconic อย่าง Dodge Charger ทีมงานก็ต้องออกแบบรถให้ดีมิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์รถยนต์แห่งเอกวีรบุรุษสไตล์อเมริกันให้จมดินได้
ดูเหมือนว่าทีมงานจะทำได้ดีทีเดียวกับ All New Dodge Charger รุ่นล่าสุดที่ถึงขนาดย้อนเอาแรงบันดาลใจจาก Dodge Charger เจเนเรชั่นที่ 2 มาประยุกต์ใช้กับรถรุ่นใหม่ โดยรวมให้ความรู้สึกแข็งแกร่งสไตล์อเมริกันเช่นเคย แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือความทันสมัยและดูดีตามสมัยนิยม
เส้นสาย Dodge Charger ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมด้วยเส้นบ่าข้างรถอันแข็งแกร่ง เปรียบเสมือนรถมีมัดกล้ามประดุจชายชาตรีเช่นเคย ความแปลกใหม่ที่น่าค้นหาคือไฟท้ายใหม่แบบ LED 164 ดวง ให้อารมณ์เหมือนรถแข่งทางเรียบ
ภายใน Dodge เคลมว่าเป็นภายในที่ให้ความรู้สึกระดับโลก ดีไซน์สวยวัสดุดี มีฟีเจอร์เด่นที่อยากจะอวดคือ Uconnect รวบรวมฟีเจอร์พื้นฐานอยู่ในหัวที่เดียวกันไล่ตั้งแต่ อุปกรณ์นำทาง Garmin, เครื่องปรับอากาศแยกซ้าย-ขวา, ตรวจเชคอัตราสิ้นเปลืองได้ เป็นต้น
เห็นรูปร่างหน้าตาดุดันขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่า Dodge Charger จะเน้นด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารอย่างกับรถสุดหรู Dodge พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลดเสียงรบกวนทุกอย่างไล่ตั้งแต่พิถีพิถันออกแบบโครงสร้างตัวถัง, ติดตั้งวัสดุซับเสียงรอบคัน และอื่น ๆ นานา จุดมุ่งหมายเพื่อให้ Dodge Charger เป็นรถระดับ E-Segment (ใหญ่กว่า Toyota Camry) ที่ดีที่สุดในตลาดให้จงได้
Dodge Charger ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Pentastar 3.6 ลิตร ทั้งแรงและประหยัด (จริงหรือ?) และเครื่องยนต์ Top Of The Line บล๊อก V8 HEMI 5.7 ลิตร พร้อมโหมดติดเครื่องยนต์ 4 สูบ เพื่อความประหยัดน้ำมันเมื่อวิ่งในเมืองหรือการจราจรติดขัด ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ
Dodge Charger โฉมใหม่ส่งขึ้นโชว์รูมรวดเร็วทันใจมาก ภายในไตรมาส 4 ปี 2010 จนเราแอบงงตามกันว่าเดี๋ยวนี้ Chrysler Group ส่งรถมาจำหน่ายได้เร็วมาก ๆ ค่ายหนึ่งเลยทีเดียว