Mercedes-AMG ได้ฤกษ์เปิดสายพานการผลิตรถ Hypercar สุดล้ำของค่ายที่เผยให้เห็นโฉมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2017 และเปิดรายละเอียดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2022 นี้ โดยจะพร้อมส่งมอบถึงมือลูกค้าคนแรกก่อนสิ้นปี 2022 จากจำนวนจำกัดทั้งหมดแค่ 275 คัน ซึ่งจะถูกผลิตและประกอบโดยให้แรงงานคนเป็นหลัก ในโรงงานพิเศษ ที่ประกอบไปด้วย 16 ขั้นตอนหลัก เมือง Coventry ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่เดียวกับทีม F1 ของ Mercedes-AMG ใช้ในการผลิตเครื่องยนต์
ขั้นตอนแรกเป็นการผลิตตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อก รวมไปถึงผิวตัวถังด้านนอกทั้งหมดก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นเดียวกัน ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์จะถูกควบคุมโดยพนักงานผู้เชี่ยวชาญ เมื่อชิ้นส่วนตัวถังผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถส่งไปขั้นตอนการพ่นสีตัวถัง และเป็นอีกขั้นตอนที่ใช้แรงงานคนเป็นหลักเช่นเดียวกัน
ทางด้านเครื่องยนต์ AMG เลือกที่จะนำ ขุมพลัง F1 เครื่องยนต์เบนซิน V6 ทำมุม 120 องศา วางกลางลำ DOHC 24 วาล์ว 1.6 ลิตร ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง Ultra-high-pressure Direct-injection พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Turbocharger ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า กำลังสูงสุด 574 แรงม้า (PS) ที่ 11,000 รอบ/นาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า จำนวนทั้งหมด 4 ตัว โดยแบ่งเป็น 2 ตัว แยกขับเคลื่อนที่ล้อคู่หน้า แต่ละตัวมีกำลังสูงสุด 322 แรงม้า มอเตอร์ตัวที่ 3 ติดตั้งร่วมกับเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ส่งกำลังผ่าน Crankshaft และมอเตอร์ตัวสุดท้ายทำงานร่วมกับเทอร์โบไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า
เมื่อรวมพละกำลังจากมอเตอร์ทั้งหมดและเครื่องยนต์ จะให้กำลังสูงสุด 1,064 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 8.4 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 18 กิโลเมตรในโหมด EV น้ำหนักตัวรถ 1,695 กิโลกรัม
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที
- อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.0 วินาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMT (Automated Manual Transmission) 7 จังหวะ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ส่งกำลังผ่านล้อทั้ง 4 AMG 4Matic +
ทาง Mercedes-AMG เตรียมพร้อมที่จะทดสอบรถทดลองประกอบนี้อย่างสุดความสามารถ ภายใต้เครื่องมือที่ทันสมัย และถึงแม้จะเป็นรถ Hypercar แต่ทาง Mercedes-AMG ก็ยังใส่ใจในเรื่องการเก็บเสียง การตอบสนองของพื้นผิวถนนที่ขรุขระ เพื่อให้เป็นรถถนนอย่างแท้จริง
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการทดสอบภายในสนามทดสอบแล้ว รถ Mercedes-AMG One ทุกคันจะได้รับการลงชื่อรับรองจากนักทดสอบระดับหัวกะทิของค่าย และเตรียมพร้อมส่งมอบไปยังโรงงาน Affalterbach ในประเทศเยอรมัน เพื่อเตรียมการส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป
ที่มา : Carscoops