สำหรับยอดขายรถ EV รวมครึ่งปีแรกของปี 2022 ในยุโรป สร้างความประหลาดใจเนื่องจาก อันดับ 1 และ 2 ไม่ใช่ค่ายรถ EV แดนมะกันอย่าง Tesla อีกต่อไป หากแต่เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปอย่าง Volkswagen และ เครือ Stellantis โดยกวาดยอดขายไปได้จำนวน 116,307 คัน และ 104,413 คัน ตามลำดับ ในขณะที่ Tesla ขายไปได้เพียง 78,277 คัน สาเหตุสำคัญเกิดจากผลกระทบจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และนโยบายล๊อคดาว์นของโรงงาน Tesla ในประเทศจีนนั่นเอง

เมื่อพิจารณายอดขายของเครือ Stellantis จะพบว่ารถ EV ที่ขายได้เยอะที่สุด ได้แก่ Fiat 500 EV ซึ่งมีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศอิตาลีและเยอรมัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณายอดขายรถขนาดเล็กของ Stellantis จะพบว่าขายได้มากถึง 32,315 ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มจากช่วงเวลาเดียวดันของปี 2021 กว่า 72%

 

ในขณะที่ Peugeot e-208 เป็นอีกโมเดล ที่ทำยอดขายได้ดีเกินคาด ด้วยตำวเลขยอดขายกว่า 21,918 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2021 กว่า 11% โดยครองตำแหน่งรถ EV ตัวถัง Hatchback ที่ขายดีที่สุดในประเทศฝรั่งเศสหรือตลาดบ้านเกิด โดยรถคู่แฝดอย่าง Opel Corsa-e ก็ยังทำยอดขายได้เป็นอย่างดีกว่า 13,380 คัน

 

ยอดขายของ Tesla ตกลง มากที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากผลกระทบของโรงงานในประเทศจีนที่โดนสั่งหยุดการผลิต ตามนโยบาย ล็อกดาวน์ของแต่ละมณฑลที่มีการแพร่ระบาด COVID-19 อีกระลอก มิใช่เกิดจาก ความต้องการของลูกค้าลดลงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ยอดขายของรถรุ่นล่าสุดอย่าง Tesla Model Y นับว่าไปได้สวย และขึ้นแท่นรถ EV ที่ขายดีที่สุดในยุโรป ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 39,969 คัน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นี้ โดยตามมาติดๆ ด้วย Tesla Model 3 ที่มียอดจำหน่ายถึง 38,280 คัน  ถึงกลางก็นับเป็นยอดขายที่ลดลงมาจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 25%

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันทางการจีนได้ผ่อนคลายมาตรการในโรงงานหลายแห่งในจีนเป็นที่เรียบร้อย จึงทำให้ Tesla สามารถกลับมาเดินสายพานการผลิตได้ตามแผนที่วางไว้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 ในขณะที่ฝั่ง Stellantis ก็เตรียมขยายไลน์อัพรถ EV เช่นเดียวกัน ด้วยการเตรียมเปิดตัวรถ SUV เพิ่มเติม รวมไปถึงรถ Hatchback ตัวชูโรงของค่ายอย่าง Opel Astra เป็นการแสดงถึงความพยายามเป็นอย่างสูงในการพิชิตตลาดยุโรปของ Stellantis

ที่มา: Carscoops