านเท่าไรแล้วที่เราเพิ่งเริ่มรู้สึกว่างานจัดแสดงยานยนต์ระดับโลกมีความน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ Hamburger Crisis ทำเอาบริษัทรถยนต์ต่าง ๆ เสียผู้เสียคนจนต้องระงับการจัดแสดงรถยนต์เท่าที่พวกเขากระทำได้เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินสุดฤทธิ์สุดเดช ทำให้งานแสดงรถยนต์ระหว่างช่วงปลายปี 2008-2009 ค่อนเงียบสงัด บรรยากาศไม่ครึกครื้นเหมือนกับช่วงระหว่างปี 2002-2007 เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปแล้วถึง 2 ปีเต็ม ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เริ่มกล้าเปิดงบประมาณส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ สำหรับการจัดกิจกรรมงานแสดงรถยนต์มากขึ้นเพียงแต่ ผลลัพธ์ชัดเจนกลับค่อย ๆ ปรากฏอย่างช้า ๆ แม้กระทั่งงาน Geneva Motorshow 2010 เดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ถือว่าครึกครื้นระดับหนึ่ง หลังจากนั้นงานมอเตอร์โชว์ทั่วโลกพากันครึกครื้นพร้อมกันชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย คาดการณ์กันว่าผู้บริโภคเริ่มมั่นใจกับความเสถียรภาพของเศรษฐกิจจึงเริ่มออกมาดูงานเทศกาลเหล่านี้และกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนที่คึกคักราวกับไม่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานใด ๆ เลย
แล้วยิ่งงานแสดงรถยนต์ที่อยู่ช่วงปลายถึงสิ้นปี 2010 แล้วล่ะก็ความคักคักก็ยิ่งบังเกิดขึ้นอีกขั้น เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการอวดโฉมรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก่อนใครในโลกเพื่อเตรียมตัวทำตลาดกันในช่วงปีหน้า ดังนั้น งานที่ได้รับอานิสงค์ความคึกคักนี้คงหนีไม่พ้นงาน Paris Motorshow 2010 เมืองน้ำหอมฝรั่งเศส
Paris Motorshow เป็นงานจัดแสดงรถยนต์ประจำทุก 2 ปีเหมือนกับงาน Tokyo Motorshow, Frankfurt Motorshow และ Auto Expo India ความสำคัญของงานแสดงรถยนต์ลักษณะนี้ไม่แตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสมากกว่า บางปีจะมีรถยนต์ใหม่และรถต้นแบบอวดโฉมกันคับคั่ง บางปีก็มีความรู้สึกกร่อย ๆ บ้าง
แต่สำหรับงาน Paris Motorshow 2010 คำว่ากร่อยนั้นลืมไปได้เลยเพราะมีรถยนต์มาให้ชาวยุโรปยลโฉมมากถึง 300 คันจาก 20 ประเทศ อีกทั้งยังมีรถยนต์ และยานพาหนะอื่น ๆ เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งานนี้มากถึง 30 รุ่นเลยทีเดียว
ความน่าสนใจของรถยนต์ที่มาอวดโฉมในงานก็คือล้วนเป็นรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือประโคมจุดเด่นเทคโนโลยีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันแทบทั้งนั้น แม้กระทั่งค่ายรถสปอร์ตระดับพระกาฬยังต้องตามเทรนด์กับเขาด้วยเช่นกัน
หากเอารถสปอร์ตพลังสีเขียวมาโชว์น่ะไม่เท่าไร แต่จำนวนรถยนต์ที่มาโชว์น่ะ? มันเยอะมากมายก่ายกองจนเราคิดว่านี่มันดงรถสปอร์ตกันชัด ๆ พาลทำให้เราแอบคิดไปว่านี่พวกเขาเอาเงินพัฒนารถสปอร์ตเยอะ ๆ มาจากไหนกันหนา?
Aston Martin
Aston Martin ส่งรถสปอร์ต 2 รุ่นใหม่ให้เศรษฐีกระเป๋าหนักยลโฉมนั่นก็คือ Aston Martin One-77 รถพิเศษสำหรับคุณคนพิเศษที่รักความเร็วด้วยขุมพลังเครื่องยนต์บล๊อก V12 ความจุ 7.3 ลิตร ให้กำลังมากถึง 750 แรงม้า (BHP) แรงบิดสูงสุด 75.75 กิโลกรัมเมตร Aston Martin เคลมว่าจัดเป็นเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศที่มีพละกำลังแรงที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นบนโลกใบนี้ จนสามารถวิ่งความเร็วสูงสุดถึง 355 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ความพิเศษของ Aston Martin One-77 คือจำนวนการผลิตที่มีจำกัดเพียงแค่ 77 คันในโลกนี้เท่านั้น น่าจะเหมาะกับเศรษฐีนักเล่นของเล่น
ส่วนอีกคันคือ Aston Martin Vantage N420 Roadster เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนที่มีการพัฒนาต่อเนื่องจาก Vantage N420 คูเป้ที่เคยอวดโฉมในช่วงเดือนกรกฎาคมปีนี้ สามารถลดน้ำหนักตัวลงได้ 27 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับตัวถังคูเป้ ต้องขอบคุณวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ประกอบไปตามส่วนต่าง ๆ ของรถ
ภายในห้องโดยสารมาในชุด Iridium Package และยังสามารถเลือกวัสดุหุ้มพวงมาลัยได้ทั้งหนังแท้และ Alcantara รวมถึงประทับแผงห้องโดยสารด้วยกราไฟต์ ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกับตัวถังคูเป้ด้วยเครื่องบล๊อก 4.7 ลิตร 420 แรงม้า (HP) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาที
Audi
กลายเป็นค่ายรถยนต์เยอรมันระดับหรูที่น่าจับตามองมากที่สุดในงาน Paris Motorshow 2010 กันไปแล้ว เพราะพี่แกเล่นเปิดตัวรถยนต์ใหม่และรถต้นแบบชนิดเบียดบังรัศมีค่าย Mercedes-Benz และ BMW จนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีกันไปไกลเลย
โดยส่วนตัวผมว่าไม่แปลกใจเท่าไรที่บูธ Audi จะเนืองแน่นไปด้วยรถยนต์รุ่นใหม่นานาสารพัดชนิด ไล่ตั้งแต่รถยนต์ตลาดที่เก็บของดีมาอวดในงานนี้โดยเฉพาะนั่นก็คือ Audi A1 1.4 TSI เครื่องแรงที่กล้าพลิกโผนึกว่าจะเป็น Audi S1 ตามที่เป็นข่าว มันเป็นแค่เพิ่มทางเลือกเครื่องยนต์บล๊อก 1.4 ลิตร TFSI ยอดนิยมในเครือ Volkswagen Group ลงในเรือนร่าง A1 รุ่นธรรมดา เน้นเวอร์ชันแรงที่สุด 185 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 25.25 กิโลกรัมเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ Audi Tiptronic 7 จังหวะ
แต่ใช่ว่าจับเครื่องยนต์พลังแรงสูงเป็นอันจบกัน Audi ไม่ทำให้คุณผิดหวังเช่นเคยด้วยการตบแต่งรายละเอียดตัวรถให้แตกต่างจากรุ่นพื้นฐานบ้าง อาทิ ชุดกันชนหน้าใหม่ที่เปลี่ยนรายละเอียดช่องดักลมซ้าย-ขวา, เพิ่มสันคมเหนือช่องดักลมซ้าย-ขวา, เปลี่ยนสีพ่นขอบเสาหลังคาจากสีเทากลายเป็นสีดำ เป็นต้น
ใครที่แอบสงสัยว่า Audi ถึงไม่ใช้ชื่อ S1 เสียทีเราคงต้องบอกได้แค่เพียงว่า เมื่อไรที่ Audi คิดนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อติดตั้งใน A1 ได้แล้วล่ะก็มันจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น S1 โดยพลัน
Audi A7 Sportback รถซีดานคูเป้กึ่งแวกอนแนวใหม่เพื่อท้าชิงตลาดกับ Mercedes-Benz CLS โฉมใหม่ในงานนี้กันตรง ๆ งานนี้ถือว่าสนุกกว่าที่เราคาดคิดทีเดียว จุดเด่นของ Audi A7 นอกจากรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวเหมือนรถสปอร์ตคูเป้แล้วมันยังมีเนื้อที่ใช้สอยเหมือนกับรถซีดานหรูทั่วไป ผิดกับคู่แข่งที่เน้นความสปอร์ตมากจนเกินไป เรียกว่าทางใครทางมันดีกว่า
สไตล์ของมันเป็นการผสมผสานระหว่างรถสปอร์ตในค่ายของตนเองอย่าง R8 และผสมผสานกับความหรูหราระดับสุดยอดแบบ A8 ไม่พอมันยังผสมกับรถแนวแวกอนปั่นเข้าไปด้วยกันจึงออกมาเป็น Audi A7 Sportback ที่ทุกท่านเห็น
เครื่องยนต์ Audi A7 Sportback ก็มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล 4 สเปค ไล่ความแรงตั้งแต่ 204 แรงม้า (HP) จนถึง 300 แรงม้า (HP) โดยเฉพาะยนต์ใหม่ที่ Audi ภูมิใจนำเสนอคือเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร TDI 204 แรงม้า (HP) จิบน้ำมันแค่เพียง 18.86 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียง 139 กรัมต่อกิโลเมตร
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ติดตั้งมาให้ครบครันสมกับเป็นรถระดับบน อาทิ รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์ 3G UMTS, WLAN Hotspot พร้อมชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen กำลังขับ 1,300 วัตต์ ลำโพง 15 จุดรอบคัน รวมไปถึงระบบทำความอบอุ่นบริเวณพวงมาลัย
Audi Quattro Concept รถต้นแบบเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาอันเลื่องชื่อนามว่า Quattro แต่ใช่ว่ารถต้นแบบคันนี้จะมาแค่เฉลิมฉลองเท่านั้นแต่ดูเหมือนมันจะบอกนัยยะสำคัญของรถยนต์ Audi รุ่นต่อไปได้อีกด้วย ว่ากันว่าน่าจะเป็น R4 ตามที่เคยมีข่าวลือกัน
Audi Quattro Concept ติดตั้งเครื่องยนต์ 5 สูบ 2.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จให้กำลัง 408 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 48.48 กิโลกรัมเมตร เครื่องแรงขนาดนี้อัตราเร่งน่าจะดีมากแถมรถต้นแบบคันนี้ยังมีน้ำหนักเบาแค่ 1,300 กิโลกรัมจึงไม่แปลกใจเลยว่าอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะทำได้ภายในแค่ 3.9 วินาทีเท่านั้น
Audi e-Tron Spyder Concept น่าจะเป็นรถต้นแบบที่ใช้พื้นฐานจาก Quattro Concept อีกต่อหนึ่งเพียงแต่ใช้ขุมพลัง Hybrid ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในดีเซล V6 TDI 300 แรงม้าผนึกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแยกอิสระ
Bentley
แม้จะมีรถรุ่นใหม่แค่รุ่นเดียวแต่ก็ยังฮึดอวดโฉมในงานนี้กับเขาบ้างด้วย Bentley Continental GT รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เพิ่มความไฉไลทันสมัย จนเราแอบรู้สึกว่ามันก็ดูบ้องแบ๊วดีไม่น้อยเหมือนกัน การตกแต่งภายนอกดูบึกบึนและทรงพลังมากขึ้น มีการออกแบบไฟหน้า, กระจังหน้า รวมไปถึงกันชนพร้อมช่องรับลมด้านล่างใหม่ มีไฟสำหรับวิ่งใช้งานตอนกลางวันหรือ Daytime Running Light แบบ LED ล้อมรอบไฟหน้าดวงใหญ่ ด้านท้ายยังออกมาในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันรุ่นที่แล้ว
แต่ในส่วนของไฟท้าย ได้รับอิทธิพลมาจากพี่ใหญ่ร่วมค่ายอย่าง Bentley Mulsanne เต็มๆด้วยไฟรูปเกือกม้าสองชั้น
Bentley Continental GT ใหม่ มาพร้อมกับการตกแต่งที่หรูหราที่ก็ยังแฝงไปด้วย ความสปอร์ต มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เริ่มตั้งแต่ จอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันการ ทำงานและบอกรายละเอียดต่างๆของตัวรถ รวมไปถึงระบบแผนที่นำทางผ่านดาวเทียม และยังมีแผนที่จาก Google Maps ให้อีกด้วย เบาะนั่งหนังแท้สีเบจทรงกึ่งสปอร์ต พื้นที่ภายในกว้างขวางพอที่จะนั่งได้สำหรับผู้ใหญ่ 4 คน แดชบอร์ดตกแต่งด้วยหนังแท้สีเบจและดำ สลับกับลายไม้อันสุดแสนจะคลาสสิค เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Bentley
ขุมพลังแรงสะใจด้วยเครื่องยนต์เบนซิน W12 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 567 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง 700 นิวตันเมตร พ่วงด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบ Quickshift จาก ZF ที่มีอัตราทดสั้น อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดสูงถึง 318 กิโลเมตร/ชั่วโมง
BMW
ดูเหมือน BMW ไม่ค่อยฟิตเปรี๊ยะกับการอวดรถใหม่ในงานนี้เสียเท่าไรเลย ราวกับว่าเก็บของดีทีเด็ดกว่านั้นไว้อวดกันตอนหลังก็ยังไม่สาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีรถต้นแบบ BMW 6-Series Coupe Concept แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่านี่คือหน้าตา 6-Series ตัวต่อไป รวมถึงเป็นแม่แบบให้กับรถยนต์ซีดานคูเป้รุ่นใหม่ที่จะมาท้าชน Mercedes-Benz CLS จัง ๆ ภายในปี 2012 ซึ่งถือว่า BMW เดินเกมบุกตลาดซีดานคูเป้ช้ากว่าที่คิด
ดีไซน์ตัวรถมีความรู้สึกว่า BMW กำลังจะนำพา 6-Series ตัวต่อไปเข้าไปสู่ยุคความเป็น BMW แบบที่เคยเป็นมาคือมีความคลาสสิคในแบบฉบับของตนเองผสมอยู่ น่าเสียดายที่รายละเอียดรถต้นแบบคันนี้น้อยเกินไปนัก คงทำได้แต่เพียงแค่ชมภาพไปพลาง ๆ ครับ
Chevrolet
Chevrolet ไปรับประทานอุ้งเท้าหมีถึงได้มีพลังล้านเจ็ดแคลเลอรี่ทุ่มเปิดตัวรถยนต์กันมากถึง 4 รุ่นพร้อมกันในงานเดียวโดยไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ กันแบบนี้ คาดว่า GM บริษัทแม่อยากจะให้ชื่อ Chevrolet ในยุโรปและตลาดโลก Top Form ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
Chevrolet Aveo โฉมใหม่ล่าสุดมีรหัสพัฒนา T300 ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเอาใจตลาดกลุ่มซับคอมแพคท์แนวสปอร์ต 100% ชนิดไม่เหลือเผื่อแผ่ให้กับกลุ่มลูกค้าครอบครัวเลย คาดว่า Chevrolet อยากจะยกระดับภาพลักษณ์รถเล็กธรรมดาให้กลายเป็นแนวเร้าใจมากขึ้น จะว่าไปรถเล็กยุคใหม่มีแต่แนวสปอร์ตมากเสียจนเกร่อในท้องตลาดพอสมควรเลย
จุดเด่นนอกจากดีไซน์ดุดันเร้าใจแล้ว Chevrolet ยังกล้าเคลมอีกด้วยว่า Aveo โฉมใหม่ยังมีระบบังคับควบคุมและการทรงตัวดีเยี่ยมลำดับต้น ๆ ของตลาดเลยทีเดียว ลูกค้าชาวไทยที่รอคอยอาจจะต้องรอประมาณปีหน้าครับ
Chevrolet Captiva Minorchange ปรับโฉมด้านหน้าใหม่ทั้งหมดถอดรูปลักษณ์ความแข็งแกร่งมาจาก AVEO Hatchback รุ่นใหม่ล่าสุดอันเป็นสไตล์ของ Chevrolet ยุคล่าสุด เพียงแต่ Captiva จะไม่ดุกร้าวเหมือนกับรถรุ่นน้องแน่นอน
ภายในห้องโดยสารก็จะถูกปรับปรุงพื้นผิวสัมผัสวัสดุทั้งด้านความสวยงามเมื่อมองด้วยตาเปล่าและให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อใช้นิ้วสัมผัส ไล่ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าหุ้มเบาะใหม่ทั้งคันให้ความหรูหราเพิ่มขึ้น, เปลี่ยนไฟแบ๊คไลท์ไปเป็นสีฟ้าอ่อนดูทันสมัยขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องเล่นเพลงพกพาผ่านช่อง AUX, USB และการเชื่อมต่อมือถือด้วย Bluetooth ก็นับว่า Chevrolet ทราบจุดอ่อน Captiva รุ่นปัจจุบันนี้ดีเอามาก ๆ จึงหาทางแก้ไขปัญหาจบอย่างรวดเร็ว
ใช่ว่าเปลี่ยนแค่ภายนอก็แล้วกัน Chevrolet ไม่มักง่ายขนาดนั้นครับ พวกเขาลงทุนเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ 3 บล๊อกรวด ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 258 แรงม้า (HP) วาล์วแปรผัน VVT ฉีดเชื้อเพลิงตรง ถือว่าแรงใช้ได้ แต่คงไม่แรงเท่า Chevrolet ที่กล้าเคลมว่า Captiva เป็นรถเอสยูวีแรงที่สุดในตลาด
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร 171 แรงม้า (HP) แม้จะไม่มีรายละเอียดมากนักแต่ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่านี่คือเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ที่ต้องดีกว่าเครื่อง 2.4 ลิตรชุดเดิมเอามาก ๆ แน่นอนจนเราน่าเชื่อว่านี่ล่ะคือวิธีการกำจัดจุดอ่อนที่ดีที่สุดเท่าที่มีใน Captiva รุ่นปัจจุบัน และสุดท้ายเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มีให้เลือก 163 และ 184 แรงม้า (HP)
Chevrolet Cruze Hatchback เกิดมาเพื่อป้อนตลาดยุโรปโดยเฉพาะ ถูกออกแบบครึ่งคันหลังเสียใหม่ให้แตกต่างจากเวอร์ชันซีดานโดยไม่มีการนำชุดชิ้นส่วนประตูคู่หลังของตัวถังซีดานมาใช้ อารมณ์โดยรวมดูคล้าย ๆ กับรถ Seat บางรุ่นไม่น้อยการเผยตัวของ Cruze Hatchback นอกจากจะช่วยทำให้ชื่อ Cruze แข็งแกร่งในตลาดโลกมากขึ้นแล้วยังทำให้ GM Europe มีโอกาสคว้ายอดขายในตลาดรถคอมแพคท์ท้ายตัดที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 65% ของตลาดรถคอมแพคท์รวมในยุโรป
สุดท้าย Chevrolet Orlando มินิแวน 7 ที่นั่งรูปร่างหน้าตาถอดแบบมาจากรถต้นแบบไม่ผิดเพี้ยน รถคันนี้ทำหน้าที่อุดช่องว่างตลาดรถมินิแวน 7 ที่นั่งขนาดคอมแพคท์ที่ Chevrolet กำลังขาดแคลนอยู่ แต่เชื่อว่ารถคันนี้ไม่น่าจะวางจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศ
Chevrolet Orlando เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 131 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 163 แรงม้า ส่วนระบบส่งกำลัง คาดว่าจะใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกขนาดล้อระหว่างล้อ 16 และ 18 นิ้วได้อีกด้วย
Citroen
น่าแปลกที่รถยนต์แบรนด์ประจำเจ้าถิ่นแบรนด์นี้กลับไม่ค่อยมีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หรือรถต้นแบบจำนวนมากอวดโฉมในงานนี้ปล่อยให้ Renault รุกอวดโฉมท้าทายแสงแฟลชไม่ยั้ง จนแอบสงสัยว่า Citroen น่าจะมีแอบซุ่มอะไรอยู่หรือเปล่า?
Citroen DS4 รถคอมแพคท์กึ่งแมสกึ่งหรูสานต่อความสำเร็จระดับหนึ่งจากเจ้า DS3 เมื่อพิจารณาดูรูปโฉม DS4 แล้วก็สรุปได้ว่าใช้ครึ่งคันหน้าและแผงคอนโซลร่วมกับ C4 แต่ออกแบบบั้นท้ายให้ดูกลมมนสวยมีเสน่ห์แตกต่างกันไป
Citroen Picasso Minorchange ถูกปรับปรุงรายละเอียดชุดกันชนหน้าเสียใหม่ด้วยการถอดชิ้นส่วนตะแกรงช่องดักลมให้เป็นช่องเปล่าเปลือย ยกเว้นช่องดักลมใต้โคมไฟหน้าจะใช้พลาสติกปิดพรางเอาไว้ จุดเด่นสำคัญคือการติดตั้งหลอดไฟ Daylight แบบ LED ติดตั้งบริเวณกันชนหน้าอีกด้วย หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าโลโก้และกระจังหน้าถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
Citroen Lacoste Concept แค่ชื่อหลายคนก็งงว่าไปพ้องต้องกันกับแบรนด์เสื้อผ้าแนว Sportwear ไปได้ยังไงกัน อยากจะบอกว่ารถต้นแบบคันนี้ Lacoste มีส่วนกำหนดแนวคิดการออกแบบร่วมกับ Citroen ในการแสดงวิสัยทัศน์การใช้ชีวิตข้างกลางแจ้งและวันพักผ่อนของคนมีไลฟ์สไตล์ที่ดี ผลจึงออกมาเป็นรถต้นแบบสไตล์เอสยูวีโปร่งโล่ง มีแนวเส้นและสีสันคล้าย ๆ เสื้อผ้า Lacoste ก็ไม่ปาน
Exagon
ชื่อนี้เราก็ไม่คุ้นเคยกันหรอกครับ แต่ไหน ๆ เขาก็มาเปิดรถใหม่ในบูธนี้ถ้าเราข้ามเขาไปเห็นทีจะไม่ยุติธรรมเสียแล้ว ถึงจะเป็นค่ายรถสปอร์ตรายเล็กแต่หัวใจพวกเขาพองโตน่าดูถึงขนาดส่งรถต้นแบบ Furtive e-GT สปอร์ตไฟฟ้าแบบขยายระยะทางได้ รายละเอียดไม่บอกอะไรเลย บอกแค่เพียงอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 3.5 วินาที ดูแล้ว Spyker อาจมีหนาว
Ferrari
เป็นแบรนด์รถสปอร์ตที่มีของเด็ดเพียงแค่คันเดียวก็สะเทือนไปถึงดวงดาวได้แล้วนั่นก็คือ Ferrari SA Aperta ที่ไม่ใช่แค่รถ Ferrari ในสายการผลิตธรรมดา ๆ แต่เป็นรถสปอร์ตที่ถูกออกแบบโดยทีมงาน Pininfarina เพื่อเป็นเกียรติประวัติเฉลิมฉลองครบรอบการก่อตั้งสำนักออกแบบรถยนต์แห่งนี้นานถึง 80 ปี ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตร จำนวนจำกัดเพียงแค่ 80 คันเท่านั้น
Fisker
Fisker Karma แทลจะกลายเป็นจุดเด่นพอสมควรเพราะชูประเด็นรถซีดาน Hybrid Fisker ด้วยพลัง Hybrid ระดับเทพ 408 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 2.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือเพียง 42 กิโลเมตรต่อลิตร!! ปล่อยค่าไอเสีย CO2 แค่เพียง 83 กรัมต่อกิโลเมตร
Ford
ค่ายนี้ยังไม่มีของเด็ดมาถล่มตลาดเท่าไรนักคาดว่าคงรอเก็บของดีให้สุกงอมแล้วค่อยปล่อยมาทำตลาดกันทีหลังจะดีกว่า แต่เพื่อมิให้เสียเวลา Ford จึงขอนำเสนอรถรุ่นใหม่เพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้นคือ Ford Focus ST มันก็คือการนำ Ford Focus รุ่นแฮ็ตช์แบ็ค 5 ประตู มาตกแต่งใหม่ในสไตล์สปอร์ตพร้อมตัวถังสีส้มอันสุดแสนจะจี๊ดจ๊าดไม่เกรงใจสายตาชาวบ้าน ในส่วนของเครื่องยนต์ที่นำมาประจำการ จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร EcoBoost ที่ให้พละกำลังมากถึง 250 แรงม้า
Ford Fiesta RS WRC นอกจากมาตอกย้ำความสำเร็จด้านยอดขาย Fiesta ทั่วโลกแล้วยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Fiesta ที่เตรียมลงชิงชัยในสนามแข่ง WRC ภายในปี 2011 อย่างเป็นทางการ ดังนั้น Ford จึงต้องอวดโฉม Fiesta หน้าตาแบบเดียวกับลงสนามแข่งในปีหน้า
Honda
น่าแปลกใจมากที่ค่ายรถยนต์ฝั่งเอเชียไม่ค่อยออกฤทธิ์ในงานนี้มากนัก แต่ก็ยังนับว่ามีของดีปล่อยให้ชาวโลกได้ฮือฮากันไปบ้าง บูธ Honda เตรียมปลุกตลาด Hybrid ขนาดเล็กรายแรกก่อน Toyota ด้วยการส่ง Honda Jazz Hybrid อวดโฉมในงานนี้โดยเฉพาะ
จุดเด่น Honda Jazz Hybrid ก็คือขุมพลัง IMA Hybrid เครื่องยนต์สันดาปภายใน 1.3 ลิตรผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ยกชุดมาจาก Honda Insight เพียงแต่ว่าราคาของรถคันนี้จะต้องถูกกว่า Insight แน่นอน ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 4.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 104 กรัมต่อกิโลเมตร
จุดเด่นที่ช่วยเพิ่มความน่าซื้อก็คือยังคงคุณสมบัติการพับเบาะอเนกประสงค์ได้เหมือนกับรุ่นมาตรฐานเช่นเคยด้วยระบบเบาะพับได้ Magic Seat เพราะ Honda สามารถจัดสรรการวางแบตเตอรี่ได้ดีเยี่ยมนั่นเอง
Hyundai
ปีนี้ดูเหมือนว่าฟอร์ม Hyundai ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าค่ายรถญี่ปุ่นเท่าใด คาดว่าคงเก็บของเด็ดเอาไว้ช่วงต้นปีหน้า แม้งานนี้จะมีรถใหม่ 2 รุ่นส่งลงมาเปิดตัวแต่ก็เป็นรถรุ่นไมเนอร์เชนจ์ 1 คันและรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ตลาดใหญ่มาก ๆ เหมือนกับรถแฮทช์แบคแต่ก็ดูวี่แววแล้วมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก 1 คัน
Hyundai i10 Minorchange ปรับโฉมหน้าตาโฉบเฉี่ยวตามรุ่นพี่ Elantra และ Accent เวอร์ชันรัสเซียไปติด ๆ เพื่อแสดงออกถึง New DNA การออกแบบใหม่ทั้งหมด แม้ว่ารูปทรงตัวถังยังคงความ “บ้าน ๆ “ ไม่ได้มีความสปอร์ตอะไรนักก็อย่าตกใจเพราะมันเป็นรถที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่กลางยุค 2000 แล้ว
จุดเด่นสำคัญมิใช่เพียงหน้าตาที่ดูโฉบเฉี่ยวเท่านั้น แต่ยังบรรจุเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตร ปั่นกำลังได้ 68 แรงม้า (HP) แถมยังปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร
Hyundai ix20 มินิแวนหน้าตาคุ้น ๆ หากใครติดตามข่าวสารบ่อย ๆ ก็พอทราบว่ารถคันนี้นำพื้นฐาน Kia Venga มาดัดแปลงในสไตล์ Hyundai
จุดต่างของ Hyundai ix20 นอกจากภายนอกเล็กน้อยแล้วก็ยังเปลี่ยนแปลงรายละเอียดห้องโดยสารให้แตกต่าง อย่างเห็นชัดด้วยการเปลี่ยนรายละเอียดแผงคอนโซลหน้ายิบย่อยหลายจุด, เปลี่ยนชุดพวงมาลัยแบบ Hyundai รวมไปถึงออกแบบแผงข้างประตูใหม่ทั้งหมด
มี ให้เลือกเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 1.4 ลิตร 90 แรงม้า (PS) ซึ่ง Hyundai อ้างว่าประหยัดน้ำมัน 4.1 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 114 กรัมต่อกิโลเมตร และเครื่องเบนซิน 1.6 ลิตร 127 แรงม้า (PS) ทุกรุ่นติดตั้ง ESP และระบบ Start-Stop
Jaguar
รถยนต์หรูระดับ Super High-End ส่วนใหญ่มักเน้นความหรูหรามีระดับ สนใจแต่ Performance เครื่องยนต์ที่แรง แต่ไม่คำนึงถึงความประหยัดและสิ่งแวดล้อมเลยแม้แต่น้อย แหมชักจะปรามาสกันมากไปแล้ว Jaguar เลยจัดการส่ง C-X75 ถือเป็นรถระดับ SuperCar Top Of The Line สืบสานตำนาน Jaguar XJ220 ที่ถูกยกเลิกในปี 1994
ความโดดเด่นของ Jaguar C-X75 นอกเหนือจากดีไซน์สไตล์รถแข่งผสมกับความไฮโซแล้ว สมรรถนะของมันก็โดดเด่นมาก ๆ แต่ยังอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปในตัว เพราะมันรถไฟฟ้าชนิดติดตั้งเครื่องยนต์เล็กขยายระยะทาง ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแยกอิสระ 4 ตัวผนวกกำลังรวมกันได้ถึง 778 แรงม้า (HP)!!! พร้อมเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กที่ช่วยยืดระยะทางการวิ่งสูงสุด 900 กิโลเมตร
สมรรถนะของมันก็สุดยอดเอามาก ๆ สามารถไต่ความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชัวโมงภายในแค่ 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยรวมถือเป็นรถที่สุดยอดมาก ๆ จน Ferrari ต้องม้วนอายหนีแทบไม่ทัน เราเชื่อว่านี่แหล่ะรถยนต์ที่จะมาฟื้นชื่อเสียง Jaguar ยุคใหม่อีกครั้งหนึ่ง
Kia
นี่ก็เป็นค่ายรถฝั่งเอเชียที่ไม่มีอะไรจะอวดโฉมมากนักคงมีเพียงแค่รถต้นแบบน่ารัก ๆ ตามเทรนด์ K-Wave ที่บุกทะลวงตีประตูหลังบ้านเราหนักเหลือเกิน รถคันนี้มีชื่อว่า Kia Pop ตั้งชื่อง่าย ๆ แบบนี้ แต่ดูตัวรถแล้วจะให้ผลิตจริงก็ยากอยู่
Kia Pop จัดเป็นรถต้นแบบรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่เหมือนนำแคปซูลขนาดยักษ์มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ จุดเด่นของมันอยู่ที่ดีไซน์รถแนวน่ารักแบบเกาหลี แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหัวหน้าทีมออกแบบฝรั่งที่ชื่อ Mr. Gregory Guillaume
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลัง 68 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 19.19 กิโลกรัมเมตร ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พ่วงกับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมโพลิเมอร์บางเฉียบน้ำหนักเบา มีระยะทางวิ่งมากถึง 160 กิโลเมตร
Lamborghini
Lamborghini คงจะพยายามทำรถสปอร์ตให้เป็นปัจจัย 6 ของชีวิตหรือเปล่าน้า ถึงได้ตั้งชื่อรถคันนี้ว่า Sixth Element หรือชื่ออย่างเป็นทางการจากบริษัทที่ส่งให้กับนักข่าวคือ Sesto Element จุดเด่นของรถคันนี้คือโครงสร้างตัวถังเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ล้ำสมัยมาก ๆ จึงมีน้ำหนักเบาระดับเทพเพียงแค่ 999 กิโลกรัม จะเรียกว่าเบาพอ ๆ กับ Nissan March เลยก็ว่าได้
ส่วนเครื่องยนต์ไม่เบาแรงแน่นอน เพราะพกพาเครื่องบล๊อก V10 5.2 ลิตร ที่เคยติดตั้งใน LP 570-4 Superleggera ให้พละกำลัง 570 แรงม้า (PS) แบกน้ำหนัก 1 แรงม้าต่อตัวเฉลี่ยแค่ 1.75 กิโลกรัม อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทพมาก ๆ ครับทำได้เพียง 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Land Rover/Range Rover
นี่น่าจะเป็นไฮไลต์เด็ดหลังจากโดนกลุ่ม Tata Motor ถือหุ้นกิจการเบ็ดเสร็จแล้วก็เดินหน้าพัฒนาและผลิตรถเอสยูวีขนาดย่อมนามว่า Range Rover Evoque เปิดตัวในงานนี้มีใช่จะมีเพียงแค่เวอร์ชัน 3 ประตูเท่านั้น แต่ยังมีเวอร์ชัน 5 ประตูมาร่วมแจมอีกด้วย
Range Rover Evoque เป็นน้องเล็กสุดในกลุ่มตลาดเอสยูวีหรูขนาดเล็กที่ยังไม่มีคู่แข่งรายใดเจาะ ตลาดเข้าไป คงจะต้องรออีก 1-2 ปีถึงจะมีการแข่งขันการตลาดที่รุนแรงขึ้นตามภาวะความต้องการรถยนต์นั่งขนาด เล็ก ในเมื่อเป็นน้องเล็กตัวเก่งล่าสุด มันก็ต้องมีคุณสมบัติเป็นรถเล็กที่สุด, ประหยัดน้ำมันที่สุด, เบาที่สุดเท่าที่ Range Rover เคยผลิตมา
แรงจัดประหยัดสุดด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 240 แรงม้า Range Rover อ้างว่าแรงจัดเหมือนเครื่องยนต์ 6 สูบแต่ประหยัดน้ำมันเหมือนเครื่องยนต์ 4 สูบทั่วไป จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา สามารถเลือกสภาพการขับขี่อย่างง่ายด้วยด้วยเทคโนโลยี Land Rover Terrain Response
Lotus
เราอยากจะถามค่ายรถสปอร์ตชื่อดอกบัว(ไม่เกี่ยวกับ Tesco lotus ในบ้านเรา) ค่ายนี้จังว่า นึกเกิดบ้าพลังยังไงถึงเปิดตัวรถใหม่และรถต้นแบบ 5 รุ่นในงานเดียวกัน? ทำอย่างนี้เท่ากับว่าคุณจะมาแข่งกับค่ายรถระดับ Super Niche อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม?
การอวดโฉมรถใหม่ถึง 5 รุ่นในงานนี้ทำเอาสื่อมวลชนต่างประเทศถึงกับ Shock อย่างมากว่านึกไม่ค่ายรถสปอร์ตเล็ก ๆ อย่าง Lotus จะซุ่มเตรียมการมาดีมากขนาดนี้ พวกเขาเอาเงินทุนพัฒนามาจากไหนกันนะ แต่รับรองได้เลยว่การเปิดฉากครั้งยิ่งใหญ่ของ Lotus ครั้งนี้ค่ายรถระดับ Super Niche ค่ายอื่นอาจมีหนาวหากไม่เร่งพัฒนารถสปอร์ตพลังงานสีเขียวได้ทันท่วงที
Mr.Dany Bahar ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO แห่ง Lotus กล่าวไว้ว่านี่คือก้าวหน้าใหม่แห่งทศวรรษใหม่ รถทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นรถแค่อวดโฉมเท่านั้น แต่ทุกคันจะต้องถูกผลิตจำหน่ายในอนาคตข้างหน้า
Lotus Elite Concept มาพร้อมกับแนวคิด “เบากว่า ดีกว่า” ดีไซน์สวยงามเฉียบคมอยู่ในขั้นเทียบกับ Ferrari ได้สบาย ๆ เพียงแต่ Lotus ยังคงรักษาเอกลักษ์เดิมไม่แปรเปลี่ยนนั่นก็คือหยิบยืมเครื่องยนต์กลไกจาก Toyota เช่นเคย
เครื่องยนต์บล๊อกนี้หยิบยืมมาจากรถหรูในเครือ Toyota อย่าง Lexus IS-F V8 5.0 ลิตร ติดตั้งวางกลางลำ ให้กำลัง 611 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 4 วินาที แล้วยิ่งผนวกเทคโนโลยี KERS ระบบสำรองพลังงาน ก็ยิ่งทำให้ Lotus Elire Concept น่าใช้เอามาก ๆ
แต่กว่ารถคันนี้จะได้ยลโฉมก็ต้องรอถึงปี 2014 และราคาค่างวดหยอดกระปุกไว้เลย 180,000 ดอลลาร์
Lotus Esprit Concept ถือเป็นการปัดฝุ่นชื่อ Esprite ให้อยู่ในความทรงจำอีกครั้งหนึ่งตัวรถก็โตขั้นไปอีกระดับสู่คลาสใหญ่ขึ้น หยิบยืมเครื่องยนต์จาก Lexus IS-F V8 5.0 ลิตร 620 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 3.5 วินาที เปิดตัวภายในปี 2013 ราคา 175,000 ดอลลาร์
Lotus Elise Concept รถสปอร์ตขนาดกะทัดรัด 2 ที่นั่งน้ำหนักเบามาในรูปลักษณ์คมเฉี่ยวผิดกับรุ่นปัจจุบันที่ดู ลิลโล่ สติชไปหน่อย มาพร้อมกับเครื่องยนต์จาก Toyota 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อม Paddle Shift อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.3 วินาที
Lotus Eterne Concept แค่เห็นแว้บแรกเราก็รู้ว่าคันนี้จะมาแข่งกับ Fisker Karma แน่นอน เพราะมันเป็นซีดานคูเป้ขุมพลัง Hybrid และสามารถข้ามไปต่อกรกับ Porsche Panamera, Aston Martin Rapide
ขุมพลังก็หยิบยืมจาก Lexus IS-F อีกเช่นเคยด้วยเครื่องยนต์บล๊อก V8 5.0 ลิตร 620 แรงม้า ติดตั้งระบบ KERS มีให้เลือกขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4 วินาที
Lotus Elan Concept คอมแพคท์สปอร์ตติดตั้งเครื่องยนต์ Toyota V6 4.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ 450 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เตรียมตัวเปิดตัวภายในปี 2013
Maserari
Maserati GranTurismo MC Stradale ได้รับแรงบันดาลใจจาก Trofeo GranTurismo MC ซึ่งชนะการแข่งขัน GT4 Motorsport มาแล้ว ดีไซน์ออกมาไม่เพียงออกแบบมาแนวสปอร์ตดุดันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังออกแบบให้มีความอ่อนช้อยงดงามอีกด้วย
Maserati พรรณนาคุณงามความดีของรถคันนี้ไว้คร่าว ๆ ก่อนที่จะเปิดตัวว่ามันจะมีประสิทธิภาพการขับขี่ที่เฉียบคมดุจใบมีดโกนและ ยังสามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยขุมพลัง 450 แรงม้า (HP) แต่จะจริงดังว่าหรือไม่คงต้องรอให้เศรษฐีพิสูจน์กันเอาเองครับ คนจนอย่างผู้เขียนคงได้แต่ดูล่ะครับ
Mazda
บูธนี้ก็น่าแปลกใจเล็กน้อยเหมือนกันที่นักข่าวไม่ค่อยลงมาทำข่าวกันเท่าไรจนเราหาภาพความเคลื่อนไหวในงานยากเสียเหลือเกิน อย่างไรก็ดี Mazda ก็ยังคง Zoom-Zoom ไว้ไม่เสื่อมคลายด้วยการแนะนำ Mazda 5 มินิแวนตัวใหม่ที่นำรุ่นเดิมจับมา Big Minorchange เปลี่ยนเครื่องยนต์เล็กน้อย และที่สำคัญยังเปิดตัวMazda 2 Minorchange ล้าหลังกว่าเมืองไทยถึง 1 ปี !!! ใครที่คิดอิจฉารถเมืองนอกว่าเปิดตัวเร็วกว่าไทยเห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว
รถต้นแบบ Mazda Shinari Concept ต้นแบบดีไซน์ DNA ใหม่ด้วยแนวคิดการออกแบบใหม่ที่มีชื่อว่า “Kodo” แปลว่าจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ฟังเผิน ๆ อาจจะดูคล้ายแนวคิด Nagare ที่มีความพลิ้วไหวจากการขับเคลื่อนแห่งกฏธรรมชาติมากกว่า
Mercedes-Benz
Mercedes-Benz จัดการเผยโฉมหน้า CLS ใหม่ดูแล้วเหมือนนำรถหลาย ๆ รุ่นมาผสมกัน ผลออกมาก็ดูลงตัวน่าสนใจกว่า CLS ตัวที่แล้วพอสมควรเลย ขุมพลัง Mercedes-Benz CLS ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทั้งหมด 4 แบบ แบ่งเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล 2 แบบได้แก่ ในรุ่น CLS250 CDI BlueEFFICIENCY ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2,143 ซีซี ให้พละกำลัง 204 แรงม้า และให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประหยัดสูงถึง 19.6 กิโลเมตร/ลิตร
และในรุ่น CLS350 CDI BlueEFFICIENCY ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ DOHC 2,987 ซีซี ให้พละกำลัง 265 แรงม้า นอกจากนี้ ยังมีเครื่องยนต์เบนซินอีกหนึ่งรุ่น ได้แก่รุ่น CLS350 lueEFFICIENCY ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3,498 ซีซี ให้พละกำลังมากถึง 306 แรงม้าเลยทีเดียว โดยในช่วงแรกที่ทำตลาด จะทำตลาดในรุ่น CLS350 BlueEFFICIENCY และรุ่น CLS350 CDI BlueEFFICIENCY และภายในอีกสองเดือน จึงจะนำรุ่น CLS250 CDI BlueEFFICIENCY ทำตลาดต่อไป
Mini
อะไรนะ Mini จะทำสกูตเตอร์แข่งกับ Yamaha Fino ลองขยีตาอีกครั้ง มันก็เป็นรถสกูตเตอร์ที่ Mini ออกแบบเองนี่น่ะ แต่ดันออกมาในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกคล้าย Fino, Scoopy-I รถคันนี้ใช้ชื่อว่า Mini Scooter E Concept ใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า งานนี้ Mini บังเอิญชนกับ Smart escooter ในงานนี้อย่างจัง
ใช่ว่ามัวแต่ไปขายสกูตเตอร์ Mini เขาก็มีรถยนต์รุ่นตกแต่งพิเศษมาอวดโฉมด้วยนั่นคือ Mini CountryMan WRC ตกแต่งสไตล์รถแข่ง
Nissan/Infiniti
รายนี้ก็ขนเอารถใหม่มาเปิดตัวไม่ขาดสายทั้ง Nissan Leaf, Nissan Juke ที่ยอดจองทะลุทะลวง 2.5 หมื่นคัน, Nissan Micra รถเล็กที่รับรถช้ากว่าประเทศไทยถึง 6 เดือน งานนี้ดูไปดูมาเห็นรถสปอร์ตระดับ Super Car Minorchange กับเขาด้วย
ในที่สุด Nissan ก็เปิดตัว GT-R Minorchange เสียทีหลังจากสร้างกระแสทำเป็นภาพหลุดแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร มันเป็นแค่รถรุ่นปรับปรุงโฉมคนก็เลยไม่ได้สนใจมากนักเท่ากับช่วงเปิดตัวใหม่ รูปร่างหน้าตาถูกปรับปรุงเล็กน้อยด้วยชุดกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ที่ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงนัก, ติดตั้งไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED
ขึ้นชื่อว่าเป็น Nissan ก็ไม่ละทิ้งตลาดรถไฟฟ้าแน่นอน อุตส่าห์ปั้นโหมโรงร่วมกับ Renault ซะขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจนักที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้า TownPod รถเก๋งก็ไม่ใช่ แวนก็ไม่เชิง เอสยูวีหรือยิ่งแล้วใหญ่เลย ดีไซน์มองเผิน ๆ เหมือนกับนำ Cube มาผสมกับ Leaf มีจุดเด่นตรงที่ภายในห้องโดยสารใช้งานเป็น Home Office ได้ในตัว
Infiniti ก็ขอส่ง IPL G Convertible มันก็คือ G37 Convertible อัพพลังและจับใส่ชุดแต่งรอบคันพร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว
Opel
Opel GTC Concept ใช้โครงสร้างครึ่งคันหน้าร่วมกับ Opel Astra โฉมใหม่แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก ส่วนบั้นท้ายจะถูกออกแบบมาในมาดกึ่ง ๆ คูเป้ท้ายลาด หากพิจารณาดี ๆ มันก็คือ Opel Astra ตัวถัง 3 ประตูที่ทำรูปลักษณ์และใช้ชื่อทางการตลาดว่าเป็นรถคูเป้เหมือนกับฝั่ง Renault ที่พยายามเปลี่ยนตำแหน่งการตลาด Megane 3 ประตูให้กลายเป็นรถตัวถังกึ่งคูเป้ นัยว่าสร้างมูลค่าตลาดและแตกต่างจากตัวถัง 5 ประตูอย่างชัดเจน
รูปทรงตัวถังเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ต, ความเรียบง่าย แต่ดูตื่นตาตื่นใจอันเป็นงานออกแบบ Opel DNA ที่อยากจะให้รถยนต์ยุคใหม่กลายเป็นรถในฝันของลูกค้ามากขึ้น
Peugeot
Peugeot 508 รถซีดานขนาด D-Segment ที่ยุบเอา 407 และ 607 มารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวกันลดการทำตลาดที่ยุ่งยากและซับซ้อนอีกต่อไป เส้นสายของรถแตกต่างจากรถต้นแบบ 5 By Peugeot มากนัก แต่จุดสังเกตที่รู้สึกว่าแบรนด์ Peugeot เปลี่ยนไปก็คือ Design Language แนวใหม่มาแนวชุดข่องดักลมและกระจังหน้าเป็นชิ้นเดียวกันพร้อมไฟหน้าทรงเรียว ยาวกว่าเดิม แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าการเปิดตัว Peugeot 508 ครั้งนี้ยังถือเป็นรถยนต์ฉลองครบรอบ 200 ปีของแบรนด์ Peugeot อีกนะครับ
Peugeot HR1 Concept นี่หรือคือ Nissan Juke Killer? ดูแนวโน้มแล้วก็อาจจะใช่เพราะมันน่าจะออกมาเป็นรถครอสโอเวอร์ระดับซับคอมแพคท์แต่กว่าจะออกมาน่าจะต้องรอถึงปี 2012-2013 ระหว่างที่รอมาดูสเปคกันดีกว่ามันติดตั้งขุมพลัง Hybrid ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน 3 สูบ 1.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 110 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 37 แรงม้า ประหยัดน้ำมัน 3.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
Peugeot EX1 Concept รถสปอร์ตสองที่นั่งอารมณ์ดิบแต่มีหัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยขุมพลังมอเตอร์ ไฟฟ้า 100% ไร้เครื่องยนต์สันดาปภายในปล่อยมลภาวะใด ๆ ทั้งสิ้นภายใต้ดีไซน์ตัวถังที่แข็งกร้าวประดุจดั่งรถในฝันของใครหลาย ๆ คน ใช่ว่ารถคันนี้จะออกมาสนองอารมณ์ดิบของทีมวิศวกรเท่านั้น แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการก่อตั้งแบรนด์ Peugeot อีกด้วย
Porsche
Porsche 911 GTS เป็นอีกรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดในตระกูล 911 จุดเด่นของรถรุ่นนี้อยู่ที่ การปรับปรุงเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร ให้แรงขึ้นเป็น 408 แรงม้า (PS) ใกล้เคียงกับ 911 GT3 ทำให้ 911 GTS ถือเป็นรุ่นที่แรงในระดับแถวหน้าของสายพันธุ์ 911 ณ ชั่วโมงนี้ ที่มาพร้อมกับการขยายความกว้าง ตัวถังมากขึ้นอีก 44 มิลลิเมตร ใส่ล้อรุ่น 19 นิ้ว RS Spyder ที่ได้รับการพ่นสีดำและพ่นความเงางามให้ขอบล้อและขอบครีบล้อทั้งวง ส่วนยางรถสำหรับล้อ คู่หน้ามีขนาด 235/35 ZR19 ส่วนล้อคู่ลัง เป็นขนาด 305/30 ZR 19
Porsche 911 Speedster เวอร์ชันพิเศษที่คิดนำชื่อสร้อย Speedster ที่เคยใช้ครั้งแรกกับ Porsche 356 รุ่นปี 1953 อันเป็นสัญลักษณ์รถเปิดประทุนสองที่นั่งสำหรับผู้ถวิลหาอารมณ์สปอร์ตเปิดรับ สายลมสำหรับคนในยุคนนั้น
การปรับโฉม Porsche 911 Speedster ก็คือการนำเอาเอกลักษณ์ของ Speedster มาปรับใช้ ได้แก่ กระจกบังลมหน้าสั้นซึ่ง Porsche ก็จับเจ้า 911 เปิดประทุนดัดแปลงกระจกบังลมหน้าให้เตี้ยลง 60 มม., บริเวณเบาะหลังเพิ่มลูกเล่น Twin Bubble หรือลูกนูนขึ้นหลังพนักพิงเบาะทั้งสองตำแหน่ง, เพิ่มความกว้างตัวถังอีก 44 มิลลิเมตร, สาดสีตัวถังภายนอกสีฟ้า Pure Blue
เครื่อง ยนต์กลไกยกมาจาก Porsche 911 วางหลัง บล๊อก 6 สูบ 3.8 ลิตร 408 แรงม้า (HP) เพิ่มแรงม้าจาก Porsche 911 Carrera S อีก 23 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 11.66 กิโลเมตรต่อลิตรซึ่งไม่ได้กินน้ำมันไปกว่ารุ่นพื้นฐานเลยแม้แต่น้อย ต้องขอขอบคุณ Porsche Intelligent Performance ที่ช่วยปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพได้
Renault
เป็นค่ายรถเจ้าถิ่นที่บ้าพลังพอสมควรเพราะส่งรถต้นแบบมากระตุ้นความสนใจถึง 3 รุ่นด้วยกัน เริ่มจากคันแรก Renault Twizy เวอร์ชัน Production ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ดีไซน์ดูคล้ายรถจักรยานยนต์ 4 ล้อเล็กมีความยาวแค่ 2,320 มม. น้ำหนักเบาเพียง 450 กิโลกรัมรวมน้ำหนักแบตเตอรี่แล้ว ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 20 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 5.7 กิโลกรัมเมตร ความเร็วสูงสุด 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ว่าเวอร์ชันขายจริงอาจจะจำกัดความเร็วเพียงแค่ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น มีระยะทางวิ่งสูงสุด 97 กิโลเมตร Renault เตรียมวางจำหน่าย Twizy ได้ภายในช่วงปลายปี 2011 ในตลาดยุโรป
Renault Zoe รถต้นแบบที่ว่ากันว่าน่าจะเป็น Clio โฉมใหม่ ขนาดใน Press Release บอกเองเลยว่าเป็นรถไฟฟ้าระดับ B-Segment ก็แทบไม่ต้องเดาแล้วล่ะครับว่าจะต้องเป็นร่างทรง Clio ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีหน้า
Renault Zoe ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 80 แรงม้า แรงบิด 22.42 กิโลกรัมเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 134 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไออนที่มีระยะทางวิ่งสูงสุด 161 กิโลเมตร
Renault DeZir Concept รถสปอร์ตที่มิใช่รถสปอร์ตต้นแบบธรรมดาแต่มันจะเป็นเครื่องบ่งบอกตัวแทน Design Language ยุคใหม่ของ Renault ที่มีความเป็นมิตร อบอุ่น เปรียบเสมือนรถกำลังมีความรักกับผู้ใช้อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แน่นอนแนวคิดดีไซน์นี้จะต้องนำมาใช้กับรถยนต์ Renault รุ่นใหม่นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
Rolls-Royce
ไม่มีอะไรมากนักสำหรับ Rolls-Royce เปิดเผยแค่รุ่นตกแต่งภายในพิเศษ Bespoke Design Collection ประดับด้วยหนังแท้สีขาว และเมทัลลิคสีขาวดูสะอาดตาครับ
Seat
สถานการณ์ Seat ก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก แต่ถ้าไม่ถึงกับล้มตึงพวกเขาก็ต้องสู้กันต่อไปด้วยการส่งรถต้นแบบ Seat IBE Concept ซึ่งก็หนีไม่พ้นความเป็นรถสปอร์ตคูเป้พลังงานไฟฟ้าอีกแล้วครับท่าน ดูรวม ๆ แล้วน่าจะมีโอกาสทำตลาดเป็นรถที่จะมาแข่งขันกับ Volkswagen Scirocco ได้สบาย ๆ
รถคันนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.2 กิโลกรัมเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด 130 กิโลเมตร
Skoda
อวดโฉม Skoda Octavia Green E Concept รถไฟฟ้าดัดแปลงจาก Octavia Wagon Combi ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 27.27 กิโลกรัมเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที ความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด 140 กิโลเมตร
Smart
งวดนี้ไม่โชว์รถยนต์แต่อวดโฉมยานพาหนะสองแบบด้วยกันคือแบบสกูตเตอร์ในนาม escooter เป็นรถแบบไฟฟ้า ส่วนรูปแบบหนึ่งคือรถจักรยานไฟฟ้า ebike ทั้งคู่มีจุดเด่นที่มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวรถได้ เช่น ตรวจวัดประจุแบตเตอรี่ เป็นต้น
Toyota
งวดนี้เหมือน Toyota กำลังเก็บของดีเอาไว้อวดโฉมในงานอื่นหรือเปล่า? เพราะไม่ค่อยจะครึกครื้นเท่าที่ควร แต่เราก็เข้าใจว่ายอดขายในภูมิภาคนี้ไม่ถึงกับน่าประทับใจมากเสียทีเดียว อย่างไรก็ตาม Show Must Go On ก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด จนเชื่อว่าสักวันหนึ่งคนยุโรปจะเริ่มให้การยอมรับรถญี่ปุ่น/เกาหลีได้มากกว่านี้
Toyota Verso-S ก็เป็นหนึ่งแนวรุกที่ถล่มตลาดมินิแวนอเนกประสงค์ระดับซับคอมแพคท์ คาดว่าตลาดนี้น่าจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนคงเห็นหน้าแล้วคุ้น ๆ เราอยากจะบอกว่าตัวนี้แหล่ะคือ Toyota Ractis ตัวใหม่ในญี่ปุ่นนั่นเอง จุดเด่นตัวรถคือความอเนกประสงค์ห้องโดยสารภายใน โดยเฉพาะห้องสัมภาระที่มีความจุสูงสุด 1,388 ลิตร ต้องขอบคุณฐานล้อยาวถึง 2,550 มม. (เท่ากับ Vios) มา ณ ที่นี้
Volkswagen
ค่ายยักษ์ใหญ่ฝั่งเยอรมนีต้นสังกัดแบรนด์ Audi, Seat, Skoda ต้องทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมลงเล็กน้อยคงเพราะไม่ต้องการแย่งซีนไปจากแบรนด์ในเครือเท่าไรนัก Volkswagen ก็เลยแนะนำ Passat Minorchange ลงสู่ตลาดอย่างเดียวน่าจะดีกว่า
Volkswagen Passat Minorchange นับเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเลยภายในปี 2005 การปรับเปลี่ยนหน้าตาครั้งนี้เพื่อให้กับแนวทางการออกแบบ Volkswagen ยุคใหม่ที่ยังเน้นความเรียบง่าย แต่เพิ่มความสุขุม แข็งแกร่ง เฉียบคมมากขึ้น รูปร่างหน้าตามองเผิน ๆ นึกว่าเป็นญาติร่วมกับรถยนต์ในค่ายทั้งหลาย
หลายคนคงสับสนว่ามันจะเป็นรถคันเดียวกับโปรเจคท์ NMS ที่จะเตรียมวางจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาหรือเปล่า คำตอบก็คือคนละคันเพราะตลาดสหรัฐอเมริกาต้องการรถซีดานขนาดกลางที่ดูใหญ่โตโอ่อ่ามากกว่า Passat อีกทั้งกว่าจะรอให้ Passat ออกโฉมใหม่ป่านนั้น Volkswagen อเมริกาคงจะขาดโอกาสเก็บยอดขายไปเยอะแล้ว
Volvo
ไม่มีรถใหม่เปิดตัวแต่ส่ง Volvo S60 และ V60 R-Design สีแดงรสร้อนแรงตกแต่งด้วยล้ออัลลอยใหม่ 18 นิ้ว ตกแต่งรายละเอียดรอบคันให้ดุดันขึ้นเล็กน้อยครับ