Toyota เริ่มผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 1989 กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจากับทางรัฐบาล หลังจากมีร่างมาตรการยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมทั้งรถ Hybrid และ Plug-in hybrid ปี 2030 เพื่อมุ่งเข้าสู่สังคม Net zero carbon ตามนโยบายทางสิ่งแวดล้อมภายในปี 2050
โดย Toyota เกรงว่านโยบายนี้จะส่งผลกระทบกับการลงทุนต่างๆ ของบริษัท รวมไปถึงสายพานการผลิตที่มีทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วน และหารทำธุรกิจ ที่ต้องการงบลงทุนมหาศาล และอาจสร้างปัญหาให้กับกระบวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลมีชื่อว่า SZEC (significant zero emission capability) ที่มีผลกระทบต่อรถ Hybrid และ Plug-in hybrid ซึ่งจะต้องยุติบทบาทภายในปี 2030
โตโยต้าได้โต้กลับนโยบายนี้ด้วยการกล่าวถึงผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายต้องเพิ่มอัตราส่วนการผลิตรถ EV ตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2035 โดยรายละเอียดข้อบังคับกล่าวถึงค่าปรับ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ต้องจะจ่ายหากไม่ทำตาม ข้อกำหนด
(โรงงานประกอบรถที่ Burnaston)
ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศถึงแนวทางการยกเลิกเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลตั้งแต่ ปี 2030 เป็นต้นไป โดยเปิดโอกาสให้รถยนต์ Hybrid วางจำหน่ายได้จนถึงปี 2035 นั่นหมายความว่าตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไปจะไม่มีรถยนต์คันไหนที่ปล่อยมลภาวะจากท่อไอเสียในสหราชอาณาจักร
ซึ่งทางการได้กล่าวว่า “เราจะหารืออย่างใกล้ชิดกับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ ในสหราชอาณาจักร เพื่อช่วยร่างข้อกำหนดในอนาคตอันใกล้นี้”
(โรงงานประกอบรถที่ Burnaston)
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของข้อกำหนดดังกล่าวจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 โดยคาดการณ์ว่าน่าจะไม่ผิดแผนในส่วนของการยุติบทบาทรถ Hybrid และ Plug-in hybrid
Toyota มีโรงงานอยู่สองแห่งในสหราชอาณาจักรโดยโรงงานแห่งแรกเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ในเมือง Burnaston ในขณะที่อีกโรงงานเป็นโรงงานประกอบเครื่องยนต์ตั้งอยู่ที่เมือง Deeside ทางตอนเหนือของเวลส์ ซึ่งเมื่อรวมทั้งสองโรงงานเข้าด้วยกันจะทำให้โตโยต้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีโรงงานใหญ่เป็นอันดับ 4 ลองจาก Nissan, Jaguar Land Rover และ Mini
(โรงงานประกอบรถที่ Burnaston)
หลังจากนี้คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะ Toyota ที่มีแนวทางในการลดปริมาณคาร์บอนและมลพิษทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว ในส่วนของการปล่อยมลพิษจากรถยนต์และขบวนการการผลิตอยู่แต่เดิมแล้ว จะสามารถเจรจาต่อรองกับทางรัฐบาลเพื่อหารือจุดยืนร่วมกันได้หรือไม่ในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างไรก็ตาม Toyota ตั้งเป้ายอดายรถ EV ให้มีส่วนแบ่งจากยอดขายรวมในถูมิภาคยุโรปตะวันตก กว่า 50% เป็นอย่างน้อย ภายในปี 2030
สำหรับช่วงหลังปีดังกล่าว แบรนด์ Lexus จะผันตัวไปเป็นผู้จำหน่ายรถ EV อย่างเต็มตัว โดยวางแผนจำหน่ายทั้งหมด 15 รุ่น ครบทุกตัวถังตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็ก ไปจนถึง รถสปอร์ต
ที่มา: Cityam