แล้วทุกอย่าง ก็เป็นไปตามที่หลายๆคนคาดการณ์เอาไว้ เมื่อค่ำวานนี้ (23 กันยายน 2010) ตรีเพชร อีซูซุ
ได้จัดงานแลถงข่าว เปิดตัว Isuzu D-Max และ MU-7 รุ่นปรับโฉม “Super Nanochange” ซึ่งคาดว่า
จะเป็นการปรับโฉม ครั้งสุดท้าย กันแล้วเสียที โดยคราวนี้ Isuzu เลือกใช้ชื่อรุ่น ตามคาดว่า….
” SUPER TITANIUM เดินหน้า รวยยยยยย!!”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมสังเกตเห็น จากบรรยากาศการเปิดตัว เมื่อต่ำวานนี้ ที่ Challenger Hall 2 ที่ Impact
เมืองทองธานี นั้น มีบางสิ่งบางอย่าง แปลกไปจากรูปแบบการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ Isuzu เคยใช้มา
ในรอบหลายปีมานี้ และ ผมเชื่อว่า นี่แหละ คือแนวทางใหม่ที่ Isuzu กำลังเริ่มจะมุ่งไปในวันข้างหน้า
เพราะในความเป็นจริง อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตลาดรถกระบะทุกวันนี้ นอกจากจะแข่งขันกันรุนแรง
ในกลุ่มลูกค้าดั้งเดิม ประเภทเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการขนส่ง พ่อค้าแม่ค้าต่างๆ แล้ว ตลาดกลุ่ม
Life Style Pickup เอง ก็เป็นอีกกลุ่มตลาดหนึ่ง ที่เริ่มทวีความสำคัญขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะมีลูกค้าไม่น้อย
อยากได้ รถกระบะ เอาไว้ใช้งานในครอบครัว และหลายๆ บ้าน ก็ใช้แทนรถเก๋ง เลยก็มี
แม้ว่าที่ผ่านมา Isuzu จะพยายาม เจาะตลาดกลุ่มนี้ด้วยการแตกรุ่นย่อย ให้กับรถกระบะของตน
มาเอาใจกันโดยเฉพาะ กันตั้งแต่รุ่น มังกรทอง เป็นต้นมา ทั้งรุ่น Rodeo 4×4 Space Cab ตามด้วยรุ่น
Cab 4 และล่าสุดกับรุ่นขับ 2 ยกสูง Hi-Lander แต่ยอดขายจากรถในกลุ่มนี้ ก็ยังถือว่า เป็นอัตราส่วน
ที่ยังน้อยอยู่ เมื่อเทียบกับตลาด รถกระบะ Space Cab SLX และ กระบะส่งของมาตรฐาน Spark
อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงของตลาด และกลุ่มผู้บริโภค กลายเป็นสิ่งที่ Isuzu เป็นห่วง เพราะ
อย่าลืมว่า Isuzu เหลือรถกระบะ และ SUV บนพื้นฐานจากรถกระบะ ทำตลาด 2 รุ่นหลักๆ เท่านั้น
ซึ่งเท่ากับว่า ไม่มีรถยนต์รุ่นใด ไว้เอาในกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาว
และเชื่อแน่ว่า Isuzu เอง ก็รู้ดีว่า ถ้ายังคงใช้รูปแบบการโฆษณา เหมือนในสมัยก่อนทุกกระเบียดนิ้ว
โดยไม่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย และรสนิยมของผู้บริโภค กันเสียบ้าง Isuzu อาจกลายเป็น แบรนด์
รถกระบะ ของคนแก่ และเมื่อถึงเวลานั้น คงยากที่จะแก้ไขภาพลักษณ์ ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียอย่าง
ร้ายแรง ต่อยอดขาย อันเลยเถิดไปถึงความอยู่รอดของ Isuzu กันเลยทีเดียว
(Isuzu D-Max Super TITANIUM Space Cab SLX มาพร้อมกล้องส่องด้านหน้า)
เพราะฉะนั้น การเปิดตัว รุ่นปรับโฉมครั้งนี้ แม้ว่าเราจะยังเห็นบรรยากาศ อันเป็นเอกลักษณ์
ของ Isuzu แต่ รูปแบบของ ภาพลักษณ์บางอย่างมีการเปลี่ยนแปลง เช่น แม้ว่าจะยังคงใช้บริการ
คุณ ก๊อต จักรพรรณ อาบครบุรี เป็นพรีเซ็นเตอร์ เจ้าประจำ แต่โปรดสังเกตชุดที่คุณก๊อต สวมใส่
ที่ดูเท่ และร่วมสมัยมากขึ้น กว่าเดิม เอาใจลุ่มลูกค้าดั้งเดิม
นอกจากนี้ การใช้ font ตัวอักษร และโทนสี ในแค็ตตาล็อก ร่วมทั้ง ภาพประกอบ การจัดวาง Layout
ของสิ่งพิมพ์ต่างๆ เปลี่ยนไปจากเดิมอีกด้วย! โดยคราวนี้ แค็ตตาล็อกแต่ละเล่ม ไปจนถึงภาพยนตร์
โฆษณาแต่ละเรื่อง จะถูกจัดทำขึ้น ให้แตกต่างกัน เพื่อเอาใจลูกค้าที่มีรสนิยม และพฤติกรรมการซื้อรถ
ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งถือเป็นนิมิตหมาย อันดี ในการเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ เพื่อรอให้ถึงจังหวะ
เวลาอันเหมาะสม ในการเปิดตัว รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดFull Modelchange ของรถกระบะ Isuzu
ภายใต้ รหัสโครงการ RT-50 ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวในตลาดเมืองไทย และทั่วโลก ช่วงครึ่งหลังของปี 2011
รายละเอียดความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น หากมองจากภายนอก อาจต้องเพ่งสักนิด พินิจสักหน่อย
จึงจะพบว่า มีการเปลี่ยนการ์ดกันชนหน้า (Bumper Guard) สีไททาเนียม หรูหราสง่างาม สะกดทุกสายตา
(ในรุ่น Hi-Lander) และสีดำ เพิ่มความเข้มดุดันบึกบึนสไตล์ออฟโรด (ในรุ่น LS)
ขอบไฟตัดหมอกสีไททาเนียม กลมกลืนเข้าชุดกับการ์ดกันชนหน้าสีไททาเนียม (ในรุ่นHi-Lander)
ส่วนรุ่น LS เป็นสีดำ ดุดันเป็นหนึ่งเดียวกับการ์ดกันชนหน้าสีดำ บันไดข้าง ของรุ่น Hi-Lander เปลี่ยน
เป็นสีไททาเนียม เท่ขึ้น ส่วนรุ่น LS ก็จะเป็นใช้ สีดำ บึกบึน แข็งแกร่ง และดุดัน เพิ่มชุด Stylish Chrome
หรือชุดโครเมี่ยม ที่ขอบหน้าต่างทั้ง 2 บาน และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง
(Isuzu D-Max Super TITANIUM Rodeo 4×4 SpaceCab)
นอกนั้นยังคงตกแต่งเหมือนรุ่นเดิม ด้วยชุดไฟหน้าแบบ Projector พร้อมเลนส์ไฟเลี้ยวสีขาว
สคูปฝากระโปรงขอบสีเงินในรุ่นเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS Turbo กระจังหน้าโครเมี่ยมพร้อม
U-Shape Under Grille (ในรุ่น SLX) กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยม พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED
และล้ออะลูมินั่มอัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่ (Twin-spoke) ดีไซน์ปัดเงา แวววาว (ในรุ่น
Hi-Lander และ LS เป็นต้น
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดนั้น มี 2 ประการ ได้แก่ ระบบกล้องมองภาพ ครบทั้ง ด้านหน้า
และด้านหลังรถ (Front View & Rear View Camera) ถือเป็นครั้งแรกในวงการรถปิกอัพเมืองไทย
เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ยกมาจากรถยนต์ระดับหรูในต่างประเทศ ช่วยให้ผู้ขับขี่
ได้เห็นภาพด้านหน้า ทั้งด้านซ้าย ขวา มุมกว้าง และมุมก้ม ของตัวรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนไปถึงแยก
ปากซอย หรือสี่แยกอันตราย โดยที่กล้องด้านหน้ารถจะส่งภาพมายังจอ LCD ที่คอนโซลหน้า ช่วย
ลดจุดบอดแม้ในมุมอับในเวลาที่ออกจากซอยแคบหรือทางแยก มีมุมมองเลือกได้มากถึง 4 แบบ
1.ภาพมุมด้านหน้าตรงแบบกว้างพิเศษ ให้ภาพมุมมองกว้างพิเศษถึง 190 องศา
2. ภาพมุมด้านหน้าซ้าย – ขวา แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ช่วยให้สามารถมองเห็นวัตถุที่จะเคลื่อน
ตัดผ่านด้านหน้ารถจากมุมอับได้ เช่น รถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือเด็ก
3. ภาพมุมก้มเพื่อการจอดรถ ใช้มองสิ่งกีดขวางที่อยู่ในระดับต่ำ ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับตัวรถ
เช่น กองวัสดุ หรือกระถางต้นไม้ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการกะระยะขณะเข้าจอด
4. ภาพด้านหน้าตรง และมุมก้ม แบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ทำให้สามารถเห็นสิ่งกีดขวางทั้งที่อยู่ในระดับต่ำ
และด้านท้ายรถคันหน้า ช่วยให้การเข้าจอดเป็นเรื่องง่าย และสบายขึ้น
โดยในทุกมอมมองทั้งหมดที่กล่าวมา กล้องจะทำงาน ต่อเมื่อเข้าเกียร์ 1 เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมี กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด (Rear View Camera) ซึ่งะส่งสัญญาณภาพมายัง
จอ LCD ที่คอนโซลหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง เห็นภาพด้านหลังชัดเจน เพิ่มความมั่นใจ
ขณะถอยจอด
ระบบนำทางผ่านดาวเทียม Garmin บนหน้าจอมอนิเตอร์ ชุดเครื่องเสียงชั้นดีของ KENWOOD
ที่ Isuzu ตั้งชื่อว่า i-Genii ถูกอัพเกรดประสิทธิภาพเป็น เวอร์ชั่นใหม่ ฉลาดขึ้น ทันสมัยขึ้น ให้ประโยชน์
ใช้สอยมากขึ้น สามารถนำทาง และค้นหาจุดหมายได้ตามที่ต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส บนหน้าจอ
แบบ Touch Screen ใช้งานง่าย ด้วยเมนูภาษาไทย พร้อมระบบเสียงนำทางมากกว่า 10 ภาษา และมีเสียง
ไอ-จินนี่ให้เลือก รวมถึงระบบแผนที่นำทาง 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) เพื่อประโยชน์ที่หลากหลายในการ
เดินทาง ทั้งการคำนวณ เลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า ช่วยลดปัญหาหลงทาง
เพราะวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ สามารถคำนวณระยะทาง และเวลาในการเดินทาง ช่วยหาสถานที่
สำคัญยามฉุกเฉิน เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีบริการน้ำมัน แถมยังมั่นใจกว่า แม้จะขับไปใน
เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ด้วยหน้าจอแสดงลักษณะถนนล่วงหน้าที่อาจเป็นอันตราย เช่น ทางโค้งหักศอก
แต่ในรุ่น Super TITANIUM ระบบ i-Genii จะถูกอัพเกรดให้มีฟังก์ชันใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาดังนี้
– Junction View แสดงภาพป้ายถนน และทางแยกที่สำคัญในแบบเสมือนจริง พร้อม Lane Guide
แสดงตำแหน่งช่องทางเดินรถ เพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง
– อัพเดทแผนที่ล่าสุด นำทางสู่จุดหมายอย่างแม่นยำ เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย
– ใหม่! เมนูค้นหาศูนย์บริการ Isuzu มั่นใจยิ่งขึ้นพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ สามารถโทรไปยังศูนย์บริการ
ได้ทันที ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ
– และเพิ่ม จุดหมายที่น่าสนใจ (POI) กว่า 440,000 จุด ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองทุกความต้องการ
– อีกทั้งยังสามารถโทรไปยังจุดหมายที่น่าสนใจ (POI) ซึ่งแสดงหมายเลขโทรศัพท์ในแผนที่ได้ทันที
หน้าจอมอนิเตอร์ ยังทำงานเป็นชุดเครื่องเล่น DVD จาก KENWOOD ที่คอนโซลหน้า ขนาด 7 นิ้ว (2 Din)
ควบคุมการทำงานได้จากหน้าจอ ด้วยระบบสัมผัส (Touch Screen) พร้อมรีโมทคอนโทรล ความละเอียด
จอภาพสูงถึง 1,152,000 พิกเซล ให้ภาพคมชัด สมจริงยิ่งกว่า แถมยังเพิ่ม ระบบเมนูแบบ Scrolling 3D icon
สะดวก ใช้งานง่าย เพียงใช้นิ้วสัมผัสหรือลากไอคอนผ่านหน้าจอเพื่อเลือกเมนูใช้งานต่างๆ รวมทั้ง ระบบ
เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth สามารถโทรออกได้เพียงกดหมายเลขโทรศัพท์
จากหน้าจอ (ขณะรถเคลื่อนที่โทรออกได้เฉพาะหมายเลขที่บันทึกไว้ในโหมดโทรด่วน (Speed Dial) และ
เบอร์โทรศัพท์ของจุดหมายที่น่าสนใจ(POI)) หรือกดเพื่อรับสายสนทนาได้โดยไม่ต้องถือโทรศัพท์ เพิ่ม
ความสะดวกสบาย และความมั่นใจในการขับขี่ เล่นได้ทั้ง DVD/VCD/MP3/WMA และ DivX อีกทั้งยัง
เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่มความบันเทิงได้ ทั้ง iPod, iPhone (ต้องเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์เสริมพิเศษ
เพิ่มเติม) และเครื่องเล่น MP3
นอกจากนี้ยังเปลี่ยนมาใช้ชุดมาตรวัดเรืองแสงสีส้ม Amber สไตล์สปอร์ต แบบ Super Vision และในบางรุ่น จะมี
จอแสดงข้อมูลการใช้งานแบบ Multi-information Meter ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมลักษณะการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ดังนั้น นี่จึงถือเป็น D-Max รุ่นที่ น่าใช้ที่สุด ตั้งแต่ทำออกมา และถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ปรับปรุง
แก้ไขจุดด้อยในด้านต่างๆ ไว้จนน่าจะเรียกได้ว่า สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
นอกเหนือจากปรับโฉมให้กับ D-Max ทั้งตระกูลแล้ว รถยนต์ตรวจการอเนกประสงค์ Isuzu MU-7 ก็ยัง
เป็นอีกรุ่น ที่มีการปรับโฉมใหม่เป็ Isuzu MU-7 Super Platinum คราวนี้ เน้นกลุ่มลูกค้าประเภทครอบครัว
ที่มีรสนิยม และมีฐานะดี
โดยนอกจากจะเพิ่ม กล้องมองหน้า และกล้องมองหลัง ทำงานร่วมกับ จอมอนิเตอร์ พร้อมชุดเครื่องเสียง
และระบบนำทาง GPS Garmin ในตัว จาก KENWOOD และเปลี่ยนชุดมาตรวัดเป็นสีส้ม Amber พร้อม
จอแสดงข้อมูล Multi-Information Meter เหมือนใน D-Max แล้ว ยังมีการปรับปรุง ภายนอกอีกเล็กน้อย
ซึ่งต้องอาศัย ความช่างสังเกตจึงจะพบเห็น
ได้แก่ ชุดโครเมี่ยมที่ขอบหน้าต่างทั้ง 4 บาน และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง ฝากระโปรงขอบสีเงินขนาดใหญ่
เน้นการระบายความร้อนดีกว่าเดิม ออกแบบให้ลู่ลม ลดเสียงขณะวิ่ง และไม่รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่
กระจกมองข้าง ปรับ-พับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED สไตล์รถยนต์นั่งระดับหรู ล้ออะลูมินั่มอัลลอย
ปัดเงา ขนาด 16 นิ้ว ลายก้านคู่ แปะตราสัญลักษณ์ ใหม่ Super Titanium เพิ่มสปอยเลอร์กันชนท้าย พร้อม
แถบสะท้อนแสง ชุดไฟท้ายขนาดใหญ่ พร้อมไฟตัดหมอกหลัง และจุดยึดราวหลังคา Roof Garnish ดีไซน์
Built-in สวยงาม กลมกลืนกับตัวรถ ออกแบบให้สามารถติด Roof Rack ได้อย่างลงตัว
นอกนั้น รายละเอียดทางเทคนิค และทางเลือกรุ่นย่อยต่างๆ ของทั้ง D-Max และ MU-7 ยังคงเหมือนเดิม
ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไร มากเกินไปกว่าทั้งหมดข้างบนนี้
สำหรับราคาของ Isuzu D-Max Super TITANIUM แบ่งเป็นทั้งหมด 25 รุ่น ดังนี้
ตัวถังกระบะมาตรฐาน Spark
D-MAX Super Titanium Spark (No AC ไม่มีแอร์) 457,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spark AC มีแอร์ 479,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spark PS มีแอร์ เพิ่มพวงมาลัยเพาเวอร์ 500,500 บาท
ตัวถัง SpaceCab 4×2 มาตรฐาน
D-MAX Super Titanium Spacecab SX 554,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spacecab SLX 2.5 Smart 601,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spacecab SLX 2.5 631,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spacecab SLX 2.5 i-Genii 677,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spacecab SLX 2.5 i-Genii ABS SRS 696,500 บาท
D-MAX Super Titanium Spacecab SLX 2.5 i-Genii ABS SRS AT 760,500 บาท
ตัวถัง SpaceCab 4×2 ยกสูง Hi-Lander
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 2D 2.5 Smart 643,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 2D 2.5 ABS 682,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 2D 2.5 ABS i-Genii 728,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS 726,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 2D 3.0 ABS SRS VGS i-Genii 772,500 บาท
ตัวถัง SpaceCab 4×4 Rodeo
D-MAX Super Titanium Rodeo LS 2.5 ABS 721,500 บาท
D-MAX Super Titanium Rodeo LS 3.0 ABS SRS VGS i-Genii 816,500 บาท
ตัวถัง 4 ประตู 4×2 Cab
D-MAX Super Titanium CAB4 SX 653,500 บาท
D-MAX Super Titanium CAB4 SLX 2.5 ABS 724,500 บาท
ตัวถัง 4 ประตู 4×2 Cab 4 ยกสูง Hi-Lander
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 4D 2.5 ABS 752,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 4D 2.5 ABS i-Genii 804,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS 796,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS i-Genii 848,500 บาท
D-MAX Super Titanium Hi-Lander 4D 3.0 ABS VGS SRS AT i-Genii 888,500 บาท
ตัวถัง 4 ประตู 4×4 Cab 4
D-MAX Super Titanium CAB4 LS 3.0 ABS SRS i-Genii 914,500 บาท
D-MAX Super Titanium CAB4 LS 3.0 ABS SRS AT i-Genii 954,500 บาท
หมายเหตุ : รุ่น Spark, SX สีเมทัลลิค เพิ่ม 7,000 บาท ส่วน สีขาวมุก เพิ่มจากสีเมทัลลิค 7,000 บาท
——————————————————
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผย หนังโฆษณาของ Isuzu D-MAX X-Series New Look ที่จะคลอดตามมา
ในเดือนพฤศจิกายน นี้ ยังคงมีให้เลือก 3 รูปแบบหลักทั้งรุ่น Speed รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Rodeo และ LS
กับ รุ่น Hi-Lander 4 ประตู และ 2 ประตู และ พิเศษ! ในรุ่น Hi-Lander 4 ประตู มีเกียร์ออโตเมติกให้เลือก
ซึ่งมาควบคู่กับความอเนกประสงค์ด้วย Utility Box ใหม่ ราคา Isuzu D-MAX X-Series New Look ออกมา
เรียบร้อยแล้ว (แต่รถจะยังไม่พร้อมออกสู่ตลาด จนกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน)
D-MAX X-Series New Look SLX 2.5 654,500 บาท
D-MAX X-Series New Look HR 2D 2.5 ABS i-Genii 746,500 บาท
D-MAX X-Series New Look HR 2D 3.0 ABS VGS SRS i-Genii 790,500 บาท
D-MAX X-Series New Look Rodeo LS 3.0 ABS VGS SRS i-Genii 822,500 บาท
D-MAX X-Series New Look HR 4D 2.5 ABS i-Genii 828,500 บาท
D-MAX X-Series New Look HR 4D 3.0 ABS VGS i-Genii 872,500 บาท
D-MAX X-Series New Look HR 4D 3.0 ABS VGS SRS AT i-Genii 912,500 บาท
D-MAX X-Series New Look Cab4 LS 3.0 ABS VGS SRS i-Genii 926,500 บาท
——————————————————
โชว์รูม Isuzu ทั่วประเทศ พร้อมแล้วที่จะต้อนรับคุณ ไปรวย พร้อมกับพวกเขา……..
ตั้งแต่ 27 กันยายน นี้ เป็นต้นไป
——————————-///———————————