Ford อเมริกาเหนือเปิดตัว F-150 Raptor R ตัวจี๊ดสุดในรุ่น ด้วยการพัฒนาต่อยอดจาก F-150 Raptor ที่ประสบความสำเร็จและวางจำหน่ายมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ด้วยแนวคิดการทำตัวลุยกลางทะเลทรายบาจา แห่งแคลิฟอร์เนีย รังสรรค์โดย Ford Performance ที่ครั้งนี้จัดเต็มกับ F-150 Raptor ไปอีกขั้น

 

ภายนอกได้รับการตกแต่งเพิ่มเติม ด้วยการติดตั้งช่องดักลมขนาดใหญ่บนฝากระโปรงหน้าที่มีความสูงมากกว่ารุ่นปกติถึง 1 นิ้ว ช่วยให้การทำงานของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และจัดการอากาศสำหรับท่อไอดีได้อย่างเหมาะสม กระจังหน้ามาพร้อมตัวอักษร F O R D เป็นเอกลักษณ์ กันชนหน้าและซุ้มล้อพ่นสีดำเพิ่มความดุดัน

อีกทั้งยังติดตั้ง สัญลักษณ์ตัว R สีส้ม ที่กระจังหน้า ช่องดักลมบนฝากระโปรง และฝาปิดกระบะท้าย มีการตกแต่งด้วยลายกราฟฟิกที่ซุ้มล้อด้านหลัง “Raptor” เช่นเดียวกับรถตระกูลนี้รุ่นอื่นๆ

 

เบาะหนังคู่หน้าจาก Recaro ทรงสปอร์ต ที่หุ้มด้วยหนังสีดำและ Alcantara เพิ่มความมั่นใจระหว่างการควบคุมรถท่ามกลางสภาพถนนที่ย่ำแย่ คอนโซลหน้าและแผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มีการปักตัวอักษร RaptoR (ตัว R สีส้ม) ที่เบาะคู่หน้าและท้าวแขนกลาง ระบบจอ Infotainment ขนาด 12 นิ้ว ระบบปฏิบัติการ SYNC 4 พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รวมไปถึงการอัพเดทโปรแกรม แบบ over-the-air ตามสมัยนิยม

 

ขุมพลังที่ใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.2 ลิตร พ่วงซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 868 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์ตัวนี้เป็นที่สุดของตระกูล Ford Performance วางอยู่ใน  Mustang Shelby GT500 ถูกปรับให้พละกำลังสอดคล้องกับการลุยแบบออฟโรด รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้สามารถทำงานภายใต้สภาวะโหดเหี้ยม ทำให้ F-150 Raptor R กลายเป็นกระบะ V8 ที่ทรงพลัง

Ford Performance ได้เปลี่ยนพลูเล่ย์ของเครื่องยนต์ให้รองรับการใช้งานแบบออฟโรด เรียกแรงบิดในรอบต่ำและรอบกลาง เพื่อช่วยให้ Raptor R มีสมรรถนะสูงสุดเมื่อผู้ขับขี่ต้องการได้ทุกขณะ และปรับปรุงระบบไอเสียเป็นแบบสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง พร้อมทั้งติดตั้งออยคูลเลอร์และไส้กรองน้ำมันเครื่องแบบพิเศษ รวมไปถึงขยายความลึกของอ่างน้ำมันเครื่องเพื่อรองรับการลุยแบบผาดโผน โดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับการระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง แน่นอนว่าท่อไอดีก็ได้รับการขยายขนาดเพื่อรองรับเครื่องยนต์ V8 ทรงพลังนี้ มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นปกติถึง 66% รวมทั้งใช้แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง

 

Ford Performance ยังได้ปรับปรุงเกียร์อัตโนมัติ รวมทั้งเพลาส่งกำลังให้รองรับกับตัวเลขกำลังระดับนี้ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะSelectShift ได้รับการรีโปรแกรมใหม่ ปรับปรุง Torque converter ให้รองรับแรงบิดที่สูงขึ้น ทำให้การส่งผ่านพละกำลัง เป็นไปอย่างเรียบเนียน รวมทั้งใช้เพลาหน้าที่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ขึ้น

ระบบ Trail Turn Assist ช่วยทำให้การลุยฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในเส้นทางออฟโรด เป็นไปด้วยความง่ายดาย เนื่องจากระบบนี้ จะช่วยบังคับตัวรถ ควบคุมคันเร่งและเบรกอย่างเหมาะสม เพื่อให้คนขับพาตัวรถผ่านไปได้ นอกจากนี้ยังมีระบบ Trail 1-Pedal Drive หรือการใช้คันเร่งควบคุม ทั้งการออกตัวและเบรก เพื่อทำให้การปีนป่ายอุปสรรคต่างๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น

 

ช่วงล่างจาก FOX Live Valve shocks ที่ได้รับการปรับแต่งให้รองรับการขับขี่ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น โดยใช้ระบบควบคุมความหนืดแบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับเซนเซอร์วัดระดับความสูงของตัวรถ รวมทั้งเซนเซอร์อื่นๆ รอบคัน ที่จะตรวจสอบสภาพทางวิ่งในขณะนั้นด้วยความถี่สูง เพื่อให้ช่วงล่างสามารถปรับการทำงานได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ

สปริงด้านหน้าเพิ่มความแข็งขึ้น 5% โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความสบายขณะขับขี่ ความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นจากการปรับแต่งช่วงล่างและการใช้ล้อและยางขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 37 นิ้ว เพื่อเอาชนะอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย

 

ท่อไอเสียคู่ มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันที่ปรับเปลี่ยนตามโหมดการทำงาน Normal Sport Quiet และ Baja เพื่อส่งผ่าน กำลังให้เหมาะสม โดยโหมดการขับขี่เหล่านี้จะถูกปรับจากฟังก์ชั่น MyMode ที่ผู้ขับขี่ สามารถปรับแต่ง รูปแบบการขับขี่ รูปแบบของระบบบังคับเลี้ยว และการทำงานของช่วงล่าง ทั้งหมดนี้สามารถบันทึกเป็น Profile ไว้ที่ปุ่ม R บนพวงมาลัยแยกเฉพาะ เพื่อให้ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างอิสระ

 

F-150 Raptor R มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี โดยมีสีแนะนำเป็นสีเทา Azure Gray และสีน้ำเงิน Antimatter Blue พร้อมให้ชาวอเมริกาเหนือที่สนใจสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 109,145 เหรียญสหรัฐ (4,005,839 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)

ที่มา: Ford