เป็นการคิดแบบปัจจุบันทันใจจริงๆ เมื่อปรากฏการณ์ iPad Fever หรืออาการคลั่ง iPad อัน
เป็น Tablet จากบริษัทเทคโนโลยีอันดับต้นๆของโลกอย่าง Apple, Inc. ที่ทำให้ผู้คนต่าง
อยากได้ไว้ในครอบครองสักเครื่อง จนเกิดอาการของขาดตลาด ตัวอย่างง่ายๆที่เห็นได้ชัดเลย
ก็คือประเทศไทยนี่เอง ที่ป่านนี้เครื่องศูนย์ยังไม่มีขาย เพราะต้องหลีกทางให้แอปเปิ้ลผลิตป้อน
ตลาดอื่นก่อน
ด้วยความฟีเวอร์ดังกล่าว ส่งผลให้ ณ ขณะนี้มี iPad ขายได้แล้วกว่า 3 ล้านเครื่องภายใน
ระยะเวลาไม่กี่เดือน ในขณะเดียวกัน Ford ก็มองเห็นช่องทางการโปรโมตรถยนต์ดาวรุ่งของตน
อย่าง Fiesta ที่ตอนนี้กำลังไปได้สวยในสหรัฐอเมริกา(รวมทั้งประเทศไทยด้วย) จึงได้ผุุด
แอพพลิเคชั่น Fiesta บน iPad เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กำลังสนใจ Fiesta มากขึ้น
โดยงานนี้ Ford จัดเต็ม ด้วยการใส่ข้อมูลในรูปแบบ Interactive Sales Brochure ให้
บรรดาผู้ใช้ iPad ได้สนุกสนานไปกับแอพพลิเคชั่น รวมทั้งได้รู้จัก Fiesta ได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่อง
ของความปลอดภัยของตัวรถ, อุปกรณ์ gadgets หรือ ของเล่นต่างๆภายในรถ, อุปกรณ์
เสริมของ Fiesta รวมไปถึงการได้สนุกกับการเปลี่ยนสี Fiesta เป็นสีต่างๆเพื่อหาสีที่ถูกใจ
และรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ
Download กันได้แล้ววันนี้ ที่ iTunes App Store สำหรับผู้ที่มี iPad อยู่ในมือ งานนี้ไม่จำเป็น
ว่าต้องเป็นคนอเมริกันถึงจะมีสิทธิ์เล่น ชาวไทยอย่างเราๆก็ดาวน์โหลดมาใช้ได้ เพียงแค่คุณมี
iPad และทำการสมัคร iTunes Account ในโปรแกรม iTunes เท่านั้น ส่วนผู้ที่สนใจ Fiesta
และยังไม่มี iPad ไม่ต้องถึงกับหาซื้อ iPad ตามห้างต่างๆให้ช้ำใจกับราคาที่พ่อค้าโก่งกันสุดฤทธิ์
ในกรณีนั้น Headlightmag ขอ-บอกว่า เดินเข้าโชว์รูม Ford ทั่วประเทศแล้วทดลองขับอาจจะเป็น
การง่ายกว่า
ต่อมาเป็นข่าวการอัพเดทสถานการณ์ดีลเลอร์ของ Ford ในสหรัฐอเมริกาที่เราไม่ได้ติดตามมา
สักพักหนึ่งแล้ว ถึงแม้ Ford จะดูเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่เจ็บตัวน้อยมากๆ จากวิกฤตเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่าในขณะนี้ Ford กลับอยากยุบดีลเลอร์ทิ้งอีกประมาณ 10% โดยมีเหตุผล
ง่ายๆ ก็คือ Ford อยากจะเพิ่มกำไรให้กับตน ดังนั้นจึงอยากจะตัดค่าใช้จ่ายด้วยการปิดดีลเลอร์นี้
อีกทั้งยังมีดีลเลอร์ในเครือฟอร์ดอย่าง Lincoln-Mercury อีก 261 ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งเบรนด์
Mercury เองก็กำลังอยู่ในขาขึ้นกลับมามีสภาพการณ์ที่ดีขึ้น เมื่อหักล้างกับดีลเลอร์จำนวน 10%
หรือประมาณ 300 แห่งของ Ford จึงถือว่าเจ๊ากันไป ไม่ใช่สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของ Ford แต่อย่างใด