หลังจากที่มีภาพ Spyshot หลุดมาเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 กับ Defender รุ่นปริศนามีลักษณะตัวถังยาวกว่ารุ่น 110 ปกติ ที่คาดการณ์ว่าจะมาพร้อมเบาะ 3 แถว เมื่อพิจารณาจากรูป Land Rover ได้ยืดช่วง Overhang ออกไป เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแถวที่ 3 เพิ่มขึ้น ในขณะที่ระยะฐานล้อคงเดิม พร้อมอัดแน่นอุปกรณ์มาตรฐานกว่ารุ่น 110
ภายนอกยังคงงานออกแบบเช่นเดียวกับรุ่น 110 ที่ติดตั้งยางอะไหล่ไว้ด้านท้ายรถ ตัวถังถูกยืดออกไป 340 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Defender ที่ยาวที่สุดตั้งแต่ Land Rover ผลิตมา โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการลุยแบบ OFF-Road พร้อมสีพิเศษเฉพาะรุ่น 130 สีแดง Sedona Red ติดตั้งหลังคากระจก panoramic เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมซันรูปแยกสำหรับเบาะแถว 3
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 5,358 มม.
- ความกว้าง: 2,008 มม.
- ความสูง: 1,970 มม.
- ฐานล้อ: 3,022 มม.
- พื้นที่เก็บสัมภาระรุ่น 3 แถว: 389 ลิตร 1,232 ลิตร (พับเบาะแถว 3) 2,291 ลิตร (พับเบาะแถว 2 และ 3)
- พื้นที่เก็บสัมภาระรุ่น 2 แถว: 1,329 ลิตร 2,516 ลิตร (พับเบาะแถว 2)
- น้ำหนักลากจูงสูงสุด: 3,500 กิโลกรัม
ภายในมาพร้อม 2 รูปแบบให้เลือก ได้แก่ 5 ที่นั่ง และ 8 ที่นั่ง (2+3+3) ทั้ง 2 แบบติดตั้งเบาะแบบ Full-size รองรับผู้ใหญ่ได้ทุกที่นั่ง พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอสำหรับทุกตำแหน่ง ช่องแอร์ครบทุกที่นั่ง และระบบปรับอากาศแบบ 4-zone เป็นออฟชั่น สำหรับรุ่น 130 เท่านั้น เบาะนั่งแถว 2 สามารถเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระได้ อีกทั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมยังทำให้การขนสัมภาระขึ้น-ลงรถ ได้อย่างง่ายดายผ่านการควบคุมเพียงปลายนิ้วสัมผัสที่บริเวณท้ายรถ
หน้าจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 11.4 นิ้ว เป็นออฟชั่นเสริม ระบบกรองอากาศ Cabin Air Purification Plus system เป็นครั้งแรกในรุ่น Defender เพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังมีวัสดุตกแต่งภายในให้เลือกเป็นพิเศษสำหรับรุ่นเบาะ 3 แถว อีกด้วย
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
รุ่นเบนซิน Mild hybrid
P300
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 296 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,250 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.0 วินาที
P400
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 395 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 5,000 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.6 วินาที
ทั้ง 2 เครื่องยนต์สามารถจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 48V Belt-integrated Starter Generator (BiSG) นำพลังงานจากการเบรกและการชะลอตัว จัดเก็บและใช้ระหว่างการเดินทาง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ระบบ Auto Start-Stop รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซล
รุ่น D250
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 24 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร (2,997 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.31 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Rail ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250-2,250 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.9 วินาที
รุ่น D300
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 24 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร (2,997 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.31 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Rail ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที
ทุกรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent All-Wheel Drive (iAWD)
ระบบบังคับเลี้ยว
Rack and pinion ผ่อนแรงด้วยพาวเวอร์ไฟฟ้า ePAS ปรับอัตราทดได้
ระบบกันสะเทือน
ระบบช่วงล่างถุงลม Dynamic Air Suspension พร้อมระบบปรับช่วงล่างตามเส้นทางจากฐานข้อมูลระบบนำทาง eHorizon
ระบบห้ามล้อ
ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
Defender 130 D300 มีราคาเริ่มต้นในสหราชอาณาจักรที่ 62,095 ปอนด์ (2,680,759 บาท) ในขณะที่รุ่น P300 มีราคาเริ่มต้นในสหราชอาณาจักรที่ 73,895 ปอนด์ (3,185,514 บาท) แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ได้แก่ Sold SE H-SE X-Dynamic และ X trim พร้อมรุ่นพิเศษตอนเปิดตัว First Edition สามารถสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2022 เป็นต้นไป
ที่มา: Motor1