แบรนด์ Lancia อาจไม่คุ้นหูชาวไทยมากนัก แต่กำลังจะได้รับการปัดฝุ่นและวางจำหน่ายรถใหม่อีกหลากรุ่นในช่วง 10 ปี ข้างหน้านี้ ภายใต้การบริหารงานโดย Stellantis ค่ายรถจากประเทศอิตาลีมีความโด่งดังมาจากรถแข่งแรลลี่ 1991 Delta HF Integrale Evoluzione 1 “Martini 5” หรือรถสปอร์ตเครื่องวางกลางอย่าง 1975 Lancia Stratos HF Stradale
เมื่อพิจารณาแผน 10 ปี ของ Lancia จะพบว่า รถรุ่นแรกที่เตรียมเปิดตัวในปี 2024 คือรุ่นปรับโฉมของ Ypsilon ที่ลากขายมายาวนานกว่า 11 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวปี 2011 เป็นรถ Hatchback 5 ประตูทรงแปลกตาแนวอนุรักษ์นิยม ด้วยกระจังหน้าแนวหรูหรา และประตูหลังซ่อนมือจับประตู พร้อมฝาท้ายออกแบบโค้งมน
จนกระทั่งปี 2028 Lancia จะขายแต่รถพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งจะเปิดตัว 2 รุ่น หลังจากตัวตายตัวแทนของ Ypsilon ที่เริ่มจำหน่ายในปี 2024
Ypsilon รุ่นใหม่จะเป็นรถรุ่นแรกที่ได้ใช้งานวิศวกรรมบนพื้นฐานที่สร้างขึ้นใหม่หมดจด เพื่อรองรับขุมพลังไฟฟ้าได้หลากหลาย โดยมาพร้อมความยาวตัวถังเพียง 4.0 เมตร แต่จะลงสู้ศึกพิกัด B-segment ในยุโรป ซึ่งเริ่มมีคู่แข่งที่มาในรูปแบบขุมพลังไฟฟ้า 100% มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเปิดตัวรถรุ่นแรกแล้ว รุ่นต่อมาจะเป็นเรือธงของค่ายที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 ด้วยความยาวตัวถังกว่า 4.6 เมตร ในรูปแบบของตัวถัง Crossover คาดการณ์ว่าจะใช้ชื่อรุ่น Aurelia ซึ่งจะมีขนาดใกล้เคียงกับ Citroen C5 X รวมไปถึง Opel/Vauxhall Insignia รุ่นใหม่ที่จะผันตัวไปเป็นรถ SUV ขนาดกลางแทน
สำหรับรุ่นสุดท้ายในแผนการเปิดตัวจะพร้อมจำหน่ายในปี 2028 เป็นการกลับมาของตำนานอย่าง Delta รถ Hatchback ที่มีเส้นสายเฉียบคม พร้อมมัดกล้ามที่ทำให้รถมีความแตกต่าง Lancia ตั้งใจให้ตัวรถสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุโรปเป็นหลัก โดยเฉพาะแฟนๆ ที่รอคอยกันหลายทศวรรษ ตัวถังจะมีความยาวประมาณ 4.4 เมตร หรือใกล้เคียงกับ Volkswagen Golf
เมื่ออ้างอิงตามแผนของ Lancia มีความเป็นไปได้สูงว่า ทั้ง Aurelia และ Delta อาจมาในรุปแบบของรถ BEV เนื่องจากเป็นการปูทางให้กับรุ่นใหม่ๆ หลังจากปี 2028 ซึ่งจะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในให้เลือกอีกต่อไป
สำหรับการรุกตลาดในยุโรป Lancia ได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับภูมิภาคใหม่ถึง 5 ตำแหน่ง กระจายไปดูแล ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน เบลเยียมซึ่งรวมลักเซมเบิร์กเข้าไปด้วย และ เนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ Lancia ยังเตรียมขยายดีลเลอร์ให้ครบ 100 สาขา กระจายอยู่ทั่ว 60 เมืองใหญ่ในยุโรป ก่อนปี 2030 นี้
ที่มา: Motor1