ย้อนกลับไป ณ วันที่ Ford มีการเปิดตัว Ranger ใหม่ ในตลาดโลก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 พวกเขาไม่ได้มีการพูดถึงขุมพลังทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากเบนซินและดีเซลล้วนแต่อย่างใด ทว่า Lars Krause ผู้บริหาร Vokswagen Commercial Vehicle ที่รับผิดชอบในด้านการตลาด ได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่จะเกิด นั่นคือ การวางขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ใน Ford Ranger และ Volkswagen Amarok เจเนอเรชั่นปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะออกจำหน่ายภายในปี 2030

ทีม Volkswagen กล่าวเสริมว่า โครงสร้างแชสซีส์ที่ Ford ได้พัฒนาต่อยอดเพื่อนำมาใช้กับรถกระบะรุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นนั้น สามารถรองรับการติดตั้งชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดจนแบตเตอรี่ เพิ่มเติมได้อย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างเพื่อความเหมาะสม หน้าที่นี้คาดว่าน่าจะถูกรับผิดชอบโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ Ford ที่ตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา

ในอนาคตอันใกล้ มาตรฐานไอเสียสูงสุดอย่าง EURO 7 จะบังคับให้รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ติดตั้งอุปกรณ์เสริม อาทิ Super Catalyst ซึ่งมีอุปกรณ์หลายชิ้นทั้ง Catalyst ไฟฟ้า, Catalyst ปกติแบบ 3-way ขนาด 1.0 ลิตร หนึ่งคู่, Particulate ขนาด 2.0 ลิตร และ Ammonia Slip Catalyst เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สันดาปเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเบนซินล้วน ดีเซลล้วน หรือแม้กระทั่ง Hybrid / PHEV พุ่งสูงขึ้น ตามมาด้วยการตั้งราคาจำหน่ายที่แพงลิ่วจนเกินเหตุ จนท้ายที่สุดผู้บริโภคก็จะเบือนหน้าหนี

กระนั้น แผนที่จะเปิดตัว Ranger Plug-in Hybrif หรือ PHEV ของ Ford ก็จะยังดำเนินต่อไป แต่ทางฝั่ง Volkswagen นั้น ไม่เห็นสมควร และมองว่าการกระโดดข้ามขั้นไปหา EV หรือ ไฟฟ้า 100% ดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า

นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีที่อิงตามการปล่อยมลพิษในรถยนต์ที่จำหน่ายในยุโรป จะมีความเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วน นั่นอาจทำให้โครงการพัฒนา Ford Ranger และ Volkswagen Amarok เวอร์ชั่นไฟฟ้า 100% มีความเป็นไปได้สูงขึ้นและเร็วขึ้น เราอาจจะได้ยลโฉมเร็วขึ้นกว่าที่ Lars Krause กล่าวไว้ ก็เป็นได้

ที่มา : Motor1