By Gigabright
สำหรับบ้านเรานั้น การที่จะใช้รถยนต์คันหนึ่งจนเลขไมล์ทะลุหลักแสนกิโลเมตร คงจะเป็นเรื่องที่ปกติมากด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความยึดติดในวัตถุที่ของหลายคนที่ซื้อมาแล้วก็ไม่อยากจะขายออก, ความทนทานของตัวรถเอง หรือแม้แต่สภาพเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของเจ้าของรถเองที่ไม่เอื้อให้สามารถไปซื้อรถคันใหม่ได้ก็ตาม
แต่ถ้าคุณได้อ่านเรื่องราวข้างล่างนี้ ผมรับประกันเลยว่ามันจะเป็นหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ที่พิสดารอย่างแน่นอน เมื่อ Richard Losee นักแสดงและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ โดยผลงานที่สร้างชื่อและทำให้เขาเป็นที่รู้จักคือภาพยนต์เรื่อง Masque (2012), The Cannonball Run (1981) และ Goldrunner (1980) ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและกำลังจะพูดถึงในที่นี้คือรถสปอร์ตสีแดงคันงามอันเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นรถยนต์ที่เขาเก็บสะสมนั่นเอง
ซึ่งโดยปกติทั่วไปสำหรับคนที่ได้รถซุปเปอร์คาร์มาไว้ในครอบครองแล้ว ก็คงจะต้องประคบประหงมเอาไว้ในห้องเก็บรถเป็นอย่างดี แต่สำหรับ Richard Losee นั้นไม่ใช่เลย หลังจากที่เขาซื้อ Ferrari Enzo คันนี้มาในปี 2003 เขาได้นำรถไปปล่อยเช่าให้กับบริษัททดสอบรถยนต์รายหนึ่งซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เลขไมล์บนหน้าปัดของ Enzo ขึ้นนี้พุ่งพรวดขึ้นไปอยู่ที่ 1,500 ไมล์ (ราว 2,400 กิโลเมตร) อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นที่มาของสมญานามสำหรับม้าลำพองเจ้ากรรมคันนี้ว่า “MM Enzo” หรือ Most Miles Enzo นั่นเอง
หลังจากการปล่อยให้เช่ารถการทดสอบเพื่อผ่านไป Losee ก็ยังคงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสร้างสถิติผ่านเรือนไมล์ต่ออีก เขาได้นำรถ Ferrari Enzo กลับไปให้บริษัททดสอบรถทำคอนเทนท์ทดสอบความทนทานของรถ ซึ่งเป็นโปรเจ็คร่วมกันกับนิตยสารรถยนต์รายหนึ่ง ทำให้เลขไมล์ทะยานขึ้นไปแตะหลักหมื่นเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะนำกลับมาใช้งานเองอย่างไม่บันยะบันยังจนกระทั่งตัวเลขไมล์นั้นปาขึ้นไปถึง 30,000 ไมล์ (ราว 48,000 กิโลเมตร) ในที่สุด!
ถ้าคิดว่าชะตากรรมของเจ้าม้าดวงกุดตัวนี้มันโหดร้ายนัก บอกเลยว่ามันยังหนักกว่านี้ได้อีก! เพราะในปี 2006 Losee ได้นำ Ferrari Enzo ไปหวดอย่างไร้เยื่อใยบนถนนปิดในงาน Utah Highway Patrol’s Fast Pass Charity Event ซึ่งมีระยะทางถึง 14 ไมล์ (22 กิโลเมตร) ทำให้เขาสามารถพาเจ้ารถคู่บุญคู่กรรมของเขาทะยานไปจนเข็มความเร็วไปแตะถึง 206 ไมล์/ชั่วโมง (ราว 331 กิโลเมตร/ชั่วโมง) เลยทีเดียว แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ Loose ได้พลาดท่าเสียหลักจนรถเกิดอุบัติเหตุรถเหินและพลิกคว่ำลงข้างทางไปซะอย่างนั้น แน่นอนว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นหนักมากชนิดที่ว่าพังกันทั้งคนทั้งรถไปเลย ซึ่งเจ้าตัวก็ต้องใช้เวลาแรมปีเพื่อพักฟื้นและรักษาตัวให้หายดี
ในระหว่างที่ Losee กำลังพักฟื้นนั้นเขาก็เกิดผุดไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะชุบชีวิตเจ้า Ferrari Enzo ให้กลับมาโลดแล่นบนถนนได้อีกครั้งแถมยังตั้งใจเอาไว้ว่ากลับมารอบนี้ต้องแรงกว่าเก่าด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจาก Ferrari North America ในการจัดหาอะไหล่สำหรับปลุกผีเจ้า MM Enzo ขึ้นมาอีกครั้ง สิริรวมระยะเวลาทั้งหมดในการกู้ชีพนั้นยาวนานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากอะไหล่บางรายการนั้นไม่มีอยู่ในสต็อค
แต่การรอคอยนั้นก็คุ้มค่าอยู่เพราะเทอร์โบลูกใหม่ที่มาประจำการในรอบนี้นั้นทำให้พละกำลังของ MM Enzo สูงกว่า 800 แรงม้าเลยทีเดียว โดยหลังจากที่รถบูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว Losee ได้นำมันไปประเดิมด้วยการซัดความเร็วไปถึง 237.1 ไมล์/ชั่วโมง (ราว 381 กิโลเมตร/ชั่วโมง) อันเป็นความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้เมื่อเดือนตุลาคม 2010 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีโปรเจ็คสุดท้ายในการดัดแปลงรถเพื่อให้พิเศษขึ้นไปอีกด้วยการสั่งชุดชิ้นส่วนประตูปีกนก ทำให้มันกลายเป็น Ferrari Enzo เพียงคันเดียวในโลกที่มีปีก ก่อนที่เรื่องของมันจะค่อยๆเงียบหายลงไปในเวลาต่อมา
และแม้ว่าล่าสุดเจ้า MM Enzo จะได้รับความเมตตาจากเจ้าของลงบ้างที่ไม่ต้องโดนเฆี่ยนทุกวัน แต่มันก็ถูกส่งต่อไปอยู่ในมือของผู้อื่นอย่างไม่เป็นทางการ เพราะ Losee ยังคงถือกรรมสิทธิ์ในรถคันนี้อยู่ ซึ่งสามารถตามไปส่องความเป็นไปของเจ้า MM Enzo บน Instagram ได้ที่ @dryl8k โดยมีข้อมูลล่าสุดว่ามันได้ถูกปั่นเลขไมล์ขึ้นไปถึง 90,000 ไมล์ (ประมาณ 145,000 กิโลเมตร) ซึ่งน่าจะเป็น Ferrari Enzo ที่ไมล์เยอะที่สุดจากทั้งหมด 493 คันทั่วโลกเลยทีเดียว หนำซ้ำมันยังผ่านวิบากกรรมทางการใช้งานมามากมายชนิดที่ว่าชนจนพังยับแล้วก็ยังถูกเอากลับมาซ่อมแซมและใช้งานต่ออีก ดังนั้นจะเรียกมันว่า “ม้า 9 ชีวิต” ก็คงจะไม่เกินไปสำหรับเจ้าม้าลำพองสีแดงคันนี้เลย
ที่มา : motor1