ความเป็นมาของ AMG เริ่มต้นในช่วงต้นของยุค 60s โดย 2 วิศวกรชาวเยอรมัน Hans Werner Aufrecht และ Erhard Melcher ซึ่งคำว่า “AMG” นั้นมาจาก A “Aufrecht” M “Melcher” และ G “Grossaspach” หรือเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ AMG ที่บ้านและช๊อปเครื่องยนต์ของ Aufrecht ตั้งอยู่ ไม่ไกลจาก Stuttgart ฐานทัพของ Daimler-Benz โดยทั้งคู่ได้ร่วมกันพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรถแข่ง 300 SE ภายใต้ชายคาของ Daimler-Benz ก่อนที่บริษัทจะยุติบทบาทที่เกี่ยวกับ Motorsport ในขณะนั้น

(300 SEL 6.8 ที่สร้างชื่อให้กับ AMG ในช่วงปี 1971)

แต่ทว่า Aufrecht และ Melcher ยังคงเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับการแข่งต่อไป จนได้นำไปวางในรถแข่งรายการ German Touring Car Championship ในปี 1965 โดยเพื่อนร่วมบริษัท Manfred Schiek และได้คว้าชัยชนะกว่า 10 ครั้ง ทำให้พวกเค้าได้รับหน้าที่ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้กับ Mercedes-Benz ในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นไม่นาน Aufrecht ชวน Melcher ร่วมก่อตั้ง AMG ในปี 1967 ทำให้ผลงานเครื่องยนต์รถแข่งของพวกเค้าเป็นที่ต้องการของทีมแข่งมากมายในขณะนั้น จนกระทั่ง AMG กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Mercedes-Benz ด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ DaimlerChrysler AG ในปี 2005 และกลายเป็น Mercedes‑AMG GmbH ในทุกวันนี้

แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงของค่ายดาวสามแฉกได้เปิดตัวรถ SUV พันธุ์แกร่งรุ่นพิเศษ G 63 “Edition 55” เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 55 ปี ของแบรนด์ AMG

Philipp Schiemer CEO ของ Mercedes-AMG ว่า “ความสำเร็จของ AMG ตลอด 55 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะยอดขายปี 2021 ที่เติบโตกว่า 16.7% และด้วยความเป็นตำนานของ G-class มากว่า 4 ทศวรรษ เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz ทำให้เหมาะสมที่จะได้รับการเปิดตัวรุ่นฉลองครบ 55 ปี ของ AMG”

ภายนอกมากับการตกแต่งสติ๊กเกอร์ด้านข้างลายตราสัญลักษณ์ AMG พร้อมล้ออัลลอย ขนาด 22 นิ้ว สีเทาด้าน ชุดตกแต่งขอบหน้าต่าง ฝาครอบกระจกมองข้าง มือจับประตู เส้นคาดข้างตัวรถ สีดำเงา ฝาเติมน้ำมันสีเงินพร้อมสลักตรา AMG

ภายในติดตั้งเบาะหนังสีแดง แทรกด้วยโทนสีดำที่เบาะ แผงประตู ชุดแตกแต่งตอนโซลและภายในวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และที่สำคัญพวงมาลัยทรงสปอร์ตพร้อมหมายเลข 55 สลักที่ขอบด้านล่างของพวงมาลัย

ข้อมูลทางด้านขุมพลัง ยังคงอ้างอิงได้จากรุ่นปกติของ G63 เช่นเคย เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M177 V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี. ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct-Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbo กำลังสูงสุด 585 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC all-wheel drive พร้อมฟังก์ชั่นกระจายอัตราส่วนแรงขับเคลื่อนไปที่ล้อหลังสูงถึง 60% ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.

G 63 “Edition 55” มาพร้อมสีภายนอกให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Obsidian Black และ สีขาว G Manufaktur Opalite White และวางจำหน่ายที่ราคา 299,222 ยูโร หรือราว 11,052,006 ล้านบาท

————————///————————

ที่มา: AMG , Autocar