การทำตลาดรถ EV ต้องคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานของจุดชาร์จไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเฉพาะเส้นทางที่มีผู้สัญจรไปมาปริมาณมาก หลายบริษัทเลือกที่จะติดตั้งจุดชาร์จไฟตามปั๊มน้ำมันหรือจุดบริการข้างทางหลวง ในขณะที่ Volvo US กำลังมองหาทางเลือกใหม่ ของความร่วมมือระหว่างธุรกิจร้านกาแฟและจุดชาร์จไฟ โดยเลือกใช้ที่ชาร์จจาก ChargePoint
Volvo Car USA ได้จับมือกับ Starbucks เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายจุดชาร์จไฟไปยังสาขาต่างๆ ของร้านกาแฟตามเส้นทางระหว่าง Denver รัฐ Colorado ไปยัง Seattle รัฐ Washington ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Starbucks โดยเส้นทางนี้มีระยะกว่า 1,350 ไมล์ และจะผ่านร้านกาแฟทั้งหมด 15 สาขา Volvo ได้วางแผนที่จะติดตั้งจุดชาร์จทั้งหมด 60 จุด โดยกระจายให้ได้ระยะทางของแต่ละจุดที่ 100 ไมล์ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะทางที่วิ่งได้ของรถ EV ส่วนใหญ่
ข้อมูลของจุดชาร์จจาก ChargePoint จะเป็นแบบ Fastcharge กระแสไฟ DC ที่สามารถชาร์จ Volvo C40 Recharge จาก 20% ถึง 90% ได้ภายใน 40 นาที โดยในระยะเวลาที่รอชาร์จอยู่นั้น ทั้งเจ้าของรถและผู้ร่วมเดินทาง สามารถที่จะเข้ามาพักผ่อนและจิบกาแฟและเครื่องดื่มภายในร้าน Starbucks ได้
การใช้งานจุดชาร์จเหล่านี้ ทำได้โดยติดตั้งแอพพลิเคชั่นจาก ChargePoint ลงบนโทรศัพท์ของผู้ขับขี่ เพื่อสามารถค้นหาตำแหน่งและจองคิวจุดชาร์จที่เข้าร่วมโครงการของร้าน Starbucks ได้ และที่สะดวกยิ่งกว่า หากเป็นรถ Volvo ที่มีระบบปฏิบัติการ Android ติดตั้งอยู่ที่หน้าจอกลาง สามารถค้นหาแอพพลิเคชั่นนี้ได้จาก Google Play ได้โดยตรง
ความร่วมมือครั้งนี้จะมอบสำหรับสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ใช้รถ EV ภายใต้แบรนด์ Volvo โดยได้รับการยกเว้นค่าบริการหรือคิดอัตราพิเศษ นอกเหนือจากผู้ใช้บริการทั่วไปที่ต้องจ่ายค่าบริการขั้นต่ำ
การดำเนินการติดตั้งจุดชาร์จของโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2022 นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการสนับสนุนแผนของ Volvo ที่จะทำตลาดเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2030 ในขณะที่ Starbucks ก็เป็นผู้นำการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Decarbonization ที่นอกเหนือจะมีการให้บริการจุดชาร์จไฟรถ EV ยังมีการนำแผงโซลาร์เซลล์มาใช้เป็นแหล่งพลังงานทางเลือก และทาง Starbucks US เองก็มีแผนที่จะขยายสาขาที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กับสาขาใหม่อีกกว่า 55 สาขา ทั่วสหรัฐอเมริกา ภายในปี 2022 นี้
————————///——————
ที่มา: Volvo