ในขณะที่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หรือ battery-powered electric vehicle (BEV) หรือที่บ้านเราเรียกสั้นๆ ว่า รถ EV กำลังเป็นกระแสทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ โดยบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วทุกมุมโลกต่างวิจัยและพัฒนา ทั้งตัวรถและระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ และต่างออกมาให้คำมั่นสัญญาว่า ภายในปี 2030-2040 พวกเค้าจะยกเลิกการทำตลาดของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในกันถ้วนหน้า

ยังคงมีพลังงานทางเลือกอีกแขนงหนึ่งซึ่งเป็นการนำพลังงานไฟฟ้าไปขับเคลื่อนรถยนต์ เพียงแต่ลดบทบาทของแบตเตอรี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องการชาร์จไฟ พิสัยการเดินทาง และความยืดหยุ่นในการใช้งานที่แตกต่างออกไป ดังนั้นการใช้พลังงานสะอาดจากไฮโดรเจนด้วยการทำปฏิกิริยาผ่านเซลล์เชื้อเพลิง หรือ fuel cell โดยใช้ถังเก็บไฮโดรเจนที่สามารถทนแรงดันสูง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ค่ายรถยนต์ยังคงให้ความสนใจในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับ BMW ที่ผ่านการพัฒนาและวิจัยขุมพลังที่ใช้ไฮโดรเจนมากว่า 5 รุ่น พวกเค้าได้ทำการทดสอบ iX5 Hydrogen ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บ ในศูนย์ทดสอบทางตอนเหนือของสวีเดน โดยหัวข้อการทดสอบหลักได้แก่ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของ fuel cell system ความสามารถในการบรรจุไฮโดรเจน การทำงานร่วมกับแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานสำรอง และ การควบคุมตัวรถให้อยู่บนมาตรฐานของ BMW โดยที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ในการขับขี่ พร้อมความสบายตลอดการเดินทาง

จากการทดสอบ BMW แจ้งว่า iX5 Hydrogen สามารถรับมือการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยความสะดวกสบายในแบบที่ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในมอบให้ ด้วยการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนให้เต็มถังภายในเวลาเพียงแค่ 3-4 นาที ถึงแม้จะอยู่ภายใต้สภาพอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสเช่นนี้

ข้อมูลทางด้านขุมพลังที่ BMW เคลมไว้ว่า iX5 Hydrogen ใช้เทคโนโลยี eDrive รุ่นที่ 5 ในรูปแบบเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ถูกบรรจุในถังที่ทนแรงดันได้สูงถึง 700 บาร์ ซึ่งทำจากวัสดุ carbon-fibre-reinforced plastic (CFRP) ก่อนที่จะถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับ fuel cell เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่สร้างกำลังสูงสุดได้ 170 แรงม้า (PS) โดยหากมีพลังงานหลงเหลือจาก fuel cell จะนำไปจัดเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยที่ยังคงคุณสมบัติการดึงพลังงานจากการเบรกมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับรถ EV ทั่วไป

เมื่อรวมพละกำลังจากทั้งระบบ สามารถสร้างกำลังสูงสุดถึง 374 แรงม้า (PS) ภายใต้โหมดการขับขี่ที่เรียกพละกำลังสูงสุด โดยสิ่งที่ระบบจะปล่อยออกมาการขับเคลื่อนมีเพียงไอน้ำที่มาจาก fuel cell เท่านั้น และในส่วนของพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิกิริยายังสามารถทำไปใช้สร้างความอบอุ่นให้กับภายในห้องโดยสารได้อีกด้วย

จุดเด่นสำคัญของ iX5 Hydrogen ก็คือ น้ำหนักตัวรถที่น้อยกว่ารถ EV ที่มีขนาดและพละกำลังเท่ากัน เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับขุมพลังสะอาด ที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มองหาความยืดหยุ่นในการใช้งาน ลดความยุ่งยากเรื่องการชาร์จไฟ บนคุณสมบัติตัวรถที่เทียบเท่ากัน

ที่มา: https://www.press.bmwgroup.com/global/article/detail/T0371813EN/co2-free-driving-pleasure-in-all-weather-conditions:-the-bmw-ix5-hydrogen-in-final-winter-testing-close-to-the-arctic-circle

————————///————————–