หลังจากที่ Mazda CX-60 ได้เปิดภาพชุดแรกตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้า ล่าสุด Mazda UK ได้เปิดราคาพร้อมรับจอง CX-60 แล้ว เมื่อกลางดึก คืนวันที่ 9 มีนาคม 2022 พร้อมทั้งเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมด้านขุมพลัง ออฟชั่น และรุ่นย่อยต่างๆ ราคาอย่างเป็นทางการ (ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565 ประเทศอังกฤษ) โดยในเวอร์ชันอังกฤษ จะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ดังนี้
• Exclusive-line ราคา 43,950 ปอนด์ (1,915,609 บาท)
• Homura ราคา 46,700 ปอนด์ (2,033,377 บาท)
• Takumi ราคา 48,050 ปอนด์ (2,092,157 บาท)
ราคาทั้งหมด ไม่รวมภาษีนำเข้า ตามอัตราแลกเปลี่ยนประเทศไทยวันที่ 9 มีนาคม 2022)
CX-60 PHEV ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญ รุ่นที่ 2 ตามแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมกันรวดเดียว 5 รุ่นรวด ต่อเนื่องยาวไปในอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังถือเป็นรถยนต์รุ่นแรก ที่ใช้ Platform ขับเคลื่อนล้อหลัง SKYACTIV Multi-Solution Scalable ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่วางเครื่องยนต์ตามแนวยาว อย่างไรก็ตาม ตัวรถทุกรุ่น จะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามรายละเอียดข้างล่าง
ไม่เพียงเท่านั้น CX-60 ยังเป็น รถยนต์ PHEV (Plug-in Hybrid) รุ่นแรก ที่ Mazda ผลิตออกจำหน่ายจริง นอกจากนี้ Mazda ยังติดตั้งสารพัดระบบตัวช่วยต่างๆ โดยบางระบบ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกในโลก อีกด้วย
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว 4,475 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,750 มิลลิเมตร
- สูง 1,700 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ Ground Clearance 175 มิลลิเมตร
- พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง 477 ลิตร เพิ่มเป็น 1,726 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง
- ถังน้ำมัน 50 ลิตร
Engine เครื่องยนต์
รายละเอียดเบื้องต้นของ CX-60 PHEV จะเริ่มทำตลาดยุโรป ด้วยเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.5 ลิตร 2,488 ซีซี Direct Injection กระบอกสูบ 89.0 x 100.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 192 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 261 นิวตันเมตร (26.59 กก.-ม.)
พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100kW หรือ 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (25.41 กก.-ม.) จับมาวางตามยาว ต่อท่อนเพลาไปยังระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ Plug-in Hybrid PHEV (Plug-in Hybrid) บนแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 17.8 kWh ติดตั้งกลางตัวถังเพื่อกระจายน้ำหนัก
รวมกำลังสูงสุดทั้งระบบ 327 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร (50.95 กก.-ม.)
ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์ อัตโนมัติ 8 จังหวะ ลูกใหม่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ แบบ AWD (All-Wheel Drive) มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.8 วินาที มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน WLTP ที่ 188 mpg หรือ 66.55 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่ 33 กรัม/กิโลเมตร
มาพร้อมโหมดการขับขี่ Mi-Drive: Normal Sport Off-Road Towing และ EV โดยในโหมดสุดท้ายสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 42 ไมล์ (67 กิโลเมตร) ในโหมดการขับขี่ในเมือง หรือ 39 ไมล์ (62 กิโลเมตร) เมื่อใช้ความเร็วคงที่ 100 กิโลเมตร/ชม. ชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC จาก 0 – 100 % ภายใน 4 ชั่วโมง
นอกจากนี้ Mazda ยังเตรียมเครื่องยนต์ อีก 2 แบบ เตรียมเปิดตัวตามออกมา ดังนี้
– เครื่องยนต์ e-SkyActiv-X เบนซิน 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร Mild Hybrid 48V M Hybrid Boost ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
– เครื่องยนต์ Skyactic-D Diesel 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.3 ลิตร Mild Hybrid 48V M Hybrid Boost กำลังสูงสุด ประมาณ 285 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร (61.14 กก.-ม.) ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์ อัตโนมัติ 8 จังหวะ และใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ แบบ AWD (All-Wheel Drive) ชุดเดียวกับรุ่น PHEV แต่เพิ่มความพิเศษตรงที่ เครื่องยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่นจะมีทางเลือกระบบขับเคลื่อนล้อหลังให้เลือกอีกด้วย
อัตราทดเกียร์มีดังนี้
เกียร์ 1…………………………..5.258
เกียร์ 2…………………………..3.303
เกียร์ 3……………………….….2.129
เกียร์ 4……………………….….1.705
เกียร์ 5……………………….….1.300
เกียร์ 6……………………….….1.000
เกียร์ 7……………………….….0.822
เกียร์ 8……………………….….0.628
เกียร์ถอยหลัง….………………4.034
อัตราทดเฟืองท้าย……..……..4.444
Chassis & Suspension / แชสซีส์ และ ระบบกันสะเทือน
– ช่วงล่าง ด้านหน้า Double wishbone
– ช่วงล่าง ด้านหลัง Multi-link
• ระบบเบรก
– ด้านหน้า / หลัง ดิสก์เบรก 4 ล้อ
– ระบบ Kinetic Posture Control ช่วยควบคุมการเบรกของล้อด้านในขณะเข้าโค้ง
Exterior ภายนอก
• ล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 18-20 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อย
• ไฟหน้า LED
• ไฟ Daytime Running Light
• ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า Hands-free power liftgate
• ชุดตกแต่ง Trim ภายนอกสีดำเงา ได้แก่ กระจังหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ในรุ่น Homura
• ชุดตกแต่งทริมภายนอกโครเมี่ยม ได้แก่ กระจังหน้า และ กรอบกระจกรอบคัน ในรุ่น Takumi
• ไฟท้าย แบบ LED Light Guiding
• สปอยเลอร์หลัง
• สัญลักษณ์บอกรุ่น PHEV ที่ซุ้มล้อด้านหน้าทั้ง 2 ข้าง
• ห้องเก็บสัมภาระขนาด 570 ลิตร
• หลังคา Panoramic Sunroof (เพิ่มเงิน 1,000 ปอนด์)
Interior ภายในห้องโดยสาร
• ภายในห้องโดยสารทูโทน สีดำ/สีขาว
• เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa
• เบาะนั่งพร้อมระบบอุ่น
• พวงมาลัยหุ้มหนัง และ ตกแต่งแถบสีเงินเมทัลลิก
• พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่น
• วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ไม้ Maple
• มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร โครเมียม
• ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light
• ระบบปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในรถตามผู้ขับขี่ Mazda Driver Personalisation System โดยใช้กล้องตรวจจับใบหน้า เพื่อปรับตำแหน่งเบาะนั่ง พวงมาลัย กระจกมองข้าง และระบบ Head-up display พร้อมระบบเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศให้เป็นไปตามบุคลิคของผู้ขับขี่ที่ถูกปรับตั้งความจำไว้
Entertainment ระบบความบันเทิง
• หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Mazda Connect
แพ็คเกจ Comfort Pack ราคา 1,400 ปอนด์ สำหรับรุ่น Exclusive-Line โดยเฉพาะ
• ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี เงิน Silver Metallic
• เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า Electric driver and passenger seat
• กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ Door mirrors with memory
• ระบบระบายความร้อนเบาะคู่หน้า Front seat ventilation
• เบาะหลังพร้อมระบบอุ่น Rear heated outer seats
• ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวผู้ขับขี่พร้อมระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ Driver Monitoring with personal identification
• ระบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวรถตามการขับขี่ Mazda Driver Personalisation System
แพ็คเกจ Convenience Pack ราคา 1,000 ปอนด์
• กระจกย้อมสีเพิ่มความเป็นส่วนตัว Rear privacy glass
• กล้องมองรอบคัน 360 view monitor
• ช่องเสียบไฟ 150W AC 1 ช่อง
• ช่องเสียบไฟ 1500W AC 1 ช่อง
• ไฟตกแต่งที่คอนโซลหลัง Rear console box light
• ไฟตกแต่งที่ประตู Front and rear courtesy light and rear door pocket light
• ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless charging
Package “Comfort Pack” ราคา 1,400 ปอนด์ สำหรับรุ่น Exclusive-Line โดยเฉพาะ
• ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี เงิน Silver Metallic
• เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า Electric driver and passenger seat
• กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ Door mirrors with memory
• ระบบระบายความร้อนเบาะคู่หน้า Front seat ventilation
• เบาะหลังพร้อมระบบอุ่น Rear heated outer seats
• ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวผู้ขับขี่พร้อมระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ Driver Monitoring with personal identification
• ระบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวรถตามการขับขี่ Mazda Driver Personalisation System
แพ็คเกจ Convenience Pack ราคา 1,000 ปอนด์
• กระจกย้อมสีเพิ่มความเป็นส่วนตัว Rear privacy glass
• กล้องมองรอบคัน 360 view monitor
• ช่องเสียบไฟ 150W AC 1 ช่อง
• ช่องเสียบไฟ 1500W AC 1 ช่อง
• ไฟตกแต่งที่คอนโซลหลัง Rear console box light
• ไฟตกแต่งที่ประตู Front and rear courtesy light and rear door pocket light
• ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless charging
Safety ระบบความปลอดภัย
• ระบบความปลอดภัย Advanced i-Activsense ซึ่งประกอบไปด้วย
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (i-ACC) ทำงานควบคู่กับ
- ระบบตรวจจับเครื่องหมายจราจร Traffic Sign Recognition
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มเติมได้จาก แพ็คเกจ Driver Assistance Pack
- Package Driver Assistance Pack ราคา 1,100 ปอนด์
- ไฟหน้า Adaptive LED
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาด้านหน้ารถ Front Cross Traffic Alert (FCTA)
- ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Brake (RCTB)
- i-Adaptive Cruise Control
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Mazda Radar Cruise Control (MRCC) พร้อมกับระบบช่วยเหลือในการสัญจรท่ามการจราจรหนาแน่น Cruising Traffic Support (CTS)
Mazda CX-60 จะเถูกขึ้นสายการผลิต ที่โรงงาน 2 เขต Nishiura อำเภอ Hofu จังหวัด Yamaguchi ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 11 มีนาคม 2022 นี้ โดยลูกค้าชาวยุโรป และอังกฤษ จะได้รับรถในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงของสหราชอาณาจักร โดยจะยังมีการติดตั้งระบบ Mazda M Hybrid mild-hybrid เพิ่มเติมให้กับรุ่น CX-30 และ CX-5 ในเร็วๆนี้อีกด้วย
ส่วน รายละเอียดทางเทคนิค ของเวอร์ชันญี่ปุ่น จะถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ในเดือน เมษายน 2022 ที่จะถึงนี้