Ford ออกมาประกาศแยกแบรนด์ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Ford Model e สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% และ Ford Blue สำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน การแยกแบรนด์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ Ford เพราะเป็นการเตรียมการไว้ในแผน Ford+ ที่วางไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2021 เมื่อรวมกับ Ford Pro ซึ่งเป็นกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้แบรนด์ก้าวไปข้างหน้า โดยที่ยังสามารถคงไว้ซึ่งคุณค่าของแบรนด์และเอาชนะบรรดาคู่แข่งทั้งหน้าใหม่ในตลาด EV และหน้าเก่าในตลาดเครื่องยนต์สันดาปภายใน การสร้างแบรนด์ Ford Model e เกิดขึ้นภายใต้ความสำเร็จของทีมพัฒนาเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น รถสปอร์ต Ford GT Mustang รถ SUV Mach-E และ รถกระบะ F-150 Lightning รวมไปถึงทีมที่พัฒนา EV โดยเฉพาะในประเทศจีน
Jim Farley CEO พูดถึง Ford Model e ว่า “เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งด้านซอฟแวร์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ความสามารถในการสร้างรถยนต์ที่ Ford สั่งสมมา เพื่อรังสรรค์รถ EV ที่สมบูรณ์แบบ สร้างประสบการณ์นำสมัยแห่งยุคให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้”
ในขณะที่ Ford Blue มีภารกิจในการสร้างผลกำไรและความสำเร็จให้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ยังคงเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ Ford โดยที่จะต้องปรับปรุงให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เพื่อเติบโตไปพร้อมกับเทคโนลีใหม่ๆ อย่างยั่งยืน
ด้วยเงินลงทุนกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.6 แสนล้านบาท) Ford ตั้งเป้าที่จะมียอดผลิตรถ EV มากถึง 2 ล้านคัน ในปี 2026 โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมด และจะค่อยๆ เพิ่มจนเป็นครึ่งหนึง ในปี 2030 เพื่อสนับสนุนการบรรลุ carbon neutral ภายในปี 2050 โดยจะใช้พลังงานรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตรถยนต์ภายในปี 2035
Ford Model e จะเป็นผู้นำทางด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รวมไปถึงทั้งซอฟท์แวร์และงานวิศวกรรม เพื่อนำมาใช้ในเครือ Ford โดยจะพัฒนาแพลทฟอร์มสำหรับรถ EV แบตเตอรี่ มอเตอร์ ภาคจ่ายไฟ ระบบประจุไฟฟ้า และกระบวนการรีไซเคิล เพื่อให้กำเนิดบรรดารถ EV ที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงประสบการณ์ใช้งานที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้ง e-Commerce Platforms หรือแม้แต่การสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับการใช้รถ EV และคอยช่วยเหลือลูกค้าทั้งด้านการใช้งานและการปรับแต่งเพื่อให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
ในเมื่อ Ford Blue จะต้องรับผิดชอบรถรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย ได้แก่ รถกระบะ Full-size F-Series รถกระบะ 1 ตัน Ranger รวมไปถึงกระบะน้องเล็กพื้นฐานรถเก๋งอย่าง Maverick และบรรดารถ SUV อาทิ Bronco Explorer รวมไปถึงรถสปอร์ต Mustang ซึ่งทั้งหมดนี้จะยังคงใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก ก็จะต้องเพิ่มความพิเศษลงไปทั้งด้านเทคโนโลยี และการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า รวมไปถึงการนำสิ่งใหม่ๆ ที่ถูกคิดค้นจากฝั่ง Ford Model e มาปรับใช้ให้ได้ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ Ford Blue ยังรับหน้าที่ดูแลกระบวนการผลิตให้กับ Ford Model e และ Ford Pro พร้อมการควบคุมต้นทุนการผลิต สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทดสอบและพัฒนาตัวรถ ที่จะครอบคลุมประสิทธิภาพของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น สมรรถนะการขับขี่ การบังคับควบคุม ความทนทาน ความปลอดภัย และความเชื่อถือได้
ทั้ง Ford Model e และ Ford Blue จะคอยสนับสนุนกันไปด้านต่างๆ ควบคู่ไปกับ Ford Pro ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับผู้ประกอบการ รวมไปถึงการสนับสนุน Ford Drive mobility หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ เพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์รถยนต์หรูอย่าง Lincoln Ford Drive และ Ford Credit ที่รวมเป็นส่วนควบทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน ผ่านธุรกิจทั้ง EV และ เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ยังคงมีการเติบโตควบคู่กันได้อย่างยั่งยืน
ที่มา: Ford