ถ้าหากพูดถึงแบรนด์ Lancia ภาพของผู้คนจำนวนมากก็จะนึกถึงรถยนต์แรลลี่ที่เป็นตำนานในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Lancia Fulvia ในยุค 60 Lancia Stratos ในยุค 70 และ Lancia 037 กับ Lancia Delta HF Integrale ในยุค 80 และ 90 ซึ่งทั้ง 4 รุ่นนี้ ทำให้ Lancia เคยเป็นแชมป์แรลลี่โลก WRC รวมทั้งสิ้น 10 ครั้งด้วยกัน รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ล้ำยุคต่าง ๆ ซึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาเลี่ยนนี้เคยสร้างเอาไว้ในอดีต
(1963-1964 Lancia Fulvia 1ª Serie)
ถึงกระนั้น ชื่อของ Lancia กลับแทบจะไม่มีใครพูดถึงกันอีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากการเป็นแชมป์บนสนามแข่งไม่อาจเปลี่ยนมาเป็นยอดจำหน่ายที่ดีได้ รวมไปถึงชื่อเสียในด้านคุณภาพของตัวรถที่ย่ำแย่ ทำให้ตอนนี้ Lancia เหลือรถจำหน่ายบนโลกเพียง Lancia Ypsilon 1 รุ่น ในประเทศอิตาลี เพียงประเทศเดียว
อย่างไรก็ตาม Lancia Ypsilon ก็ยังคงมียอดขายติด Top 10 ในอิตาลีมาโดยตลอด และทาง Stellantis บริษัทที่เกิดจากการควบรวมระหว่างสองบริษัท Fiat Chrysler Automobiles และ PSA Group ก็เล็งเห็นถึงหนทางที่จะทำให้แบรนด์รถยนต์เก่าแก่นี้กลับมามีความสำคัญได้อีกครั้ง
(1973-1976 Lancia Fulvia Coupè 3 Safari)
Luca Napolitano ผู้บริหารสูงสุดของ Lancia ได้นำเสนอแผนระยะเวลา 10 ปี ต่อ Carlos Tavares CEO ของ Stellantis ในการปั้นแบรนด์ Lancia ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นแบรนด์รถยนต์หรูขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมควบคู่กับ Alfa Romeo และ DS
ทาง Lancia จะใช้ Mercedes-Benz มาเป็น Benchmark ในการปั้นแบรนด์ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะทำรถเพื่อไปแข่งกับแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่นั้น แต่จะเป็นการนำเอาแนวทางบริหารและพัฒนายานยนต์มาเป็นพื้นฐานของนโยบายบริษัท
(1973-1975 Lancia Stratos)
ขั้นตอนแรก Lancia จะเปิดตัว Lancia Ypsilon รุ่นใหม่ ซึ่งจะมาทั้งในรูปแบบ Hybrid และ Full EV ก่อนที่จะเปิดตัวรถยนต์ Compact Crossover EV ในปี 2026 และ Compact Hatchback EV ในปี 2028
เป้าหมายในขั้นแรกของ Lancia คือการกลับมาทำกำไรให้ได้ ด้วยการพุ่งเป้าไปที่ตลาดยุโรปก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นที่เยอรมนีและฝรั่งเศส ก่อนจะขยายไปยังสเปน ออสเตรีย เบลเยี่ยม และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียในภายหลัง และ Napolitano ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าแผนประสบความสำเร็จ พวกเขาก็อาจจะออกรถพวงมาลัยขวาไปขายในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้เช่นกัน
(Lancia Ypsilon)
Lancia วางแผนโครงสร้างของเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยจะตั้งตามเมืองใหญ่ที่สุดต่าง ๆ 100 จุดใน 60 เมือง ซึ่งจะใช้ร่วมกับแบรนด์ Stellantis อื่น ๆ พร้อมทั้งยังจะใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อให้การซื้อรถนั้นทำได้ง่ายขึ้น และลูกค้าไม่ต้องออกมาเสียเวลาที่โชว์รูมมากเท่าแต่ก่อน ตามที่ Napolitano ได้กล่าวว่า “เป้าหมายของเรา คือการที่จะทำให้ลูกค้าคลิ๊กแค่ 3 ครั้งก็ซื้อรถได้”
(Lancia Ypsilon MY 2021)
การกลับมาของแบรนด์ที่นำพานวัตกรรมหลากหลายสิ่งมาสู่โลกของยานยนต์ อย่าง Lancia โดยผันตัวไปเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ก็ดูจะเหมาะสมที่สุดแล้วในยุคนี้ แต่จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องคอยติดตาม
ที่มา : europe.autonews