เราเคยได้ยินคำนิยามของพฤติกรรมผู้บริโภครถยนต์ในสหรัฐอเมริกาเสมอมาตั้งแต่โบราณกาลว่าเป็นพวกชอบรถขนาดใหญ่ “ยิ่งใหญ่ยิ่งดี” ส่วนเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงน่ะหรือ ลืมไปได้เลยพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักคำ ๆ นี้เอาเสียเลย ส่วนเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นถ้าไม่ได้ถูกบังคับลดค่าไอเสียแล้วล่ะก็พวกเขายังตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งสุดพื้นรถกันเลยทีเดียว
แต่จุดพลิกผันครั้งสำคัญที่ทำให้พฤติกรรมการบริโภครถชาวอเมริกันเปลี่ยนไปเมื่อปลายปี 2008 เกิดวิกฤตราคาน้ำมันโลกพุ่งสุดขีดจนทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกมีราคาสูงมาก ๆ แน่นอนชาวอเมริกันก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วโลก พวกเขาเหล่านั้นไม่อาจจะทำตัวเป็น “สิงห์คันเร่ง บิด 6 สูบ” เหมือนสมัยก่อนไม่ถนัดถนี่นัก ขืนขับรถเต็มอัตราเร่งแล้วล่ะก็เงินในกระเป่าของพวกเขาจะลดฮวบจนไม่มีเงินเก็บ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาวโลกตายใจว่าพฤติกรรมบริโภครถยนต์ขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาหารถยนต์นั่งที่มีขนาดเล็กลงหรือที่รถที่มีความจุกระบอกสูบเล็กลงจนทำให้ยอดขายรถขนาดใหญ่ ซีซีเยอะ ๆ เริ่มตายจากตลาดทีละน้อย
แต่แล้วใครจะเชื่อล่ะว่าพฤติกรรมบริโภครถในสหรัฐอเมริกาเริ่มพลิกกลับไปเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว!!
เว็บไซต์ Autotrader.com สำรวจความต้องการรถยนต์คันใหม่ของชาวอเมริกันประจำกลางปี 2010 สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า พวกเขาต้องการรถคันใหม่ที่เป็นรถกระบะ, เอสยูวีไซส์ยักษ์, รถสปอร์ตหรือรถซีดานคันโต ๆ เหมือนเคยเพราะราคาน้ำมันปัจจุบันมีอัตราที่รับได้และคาดว่าจะคงที่ไปอีกนานไม่ถีบตัวสูงขึ้นเหมือน 2 ปีที่แล้ว
สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภครถยนต์ชาวอเมริกันกลับมาเหมือนเดิมก็คือผลสำรวจรายชื่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่ลูกค้าอยากได้ประจำเดือนกรกฎาคม 2010 20 อันดับสูงสุด ล้วนแต่เป็นรถเอสยูวีและรถใหญ่แทบทั้งนั้น
รถยนต์ที่สร้างความแปลกประหลาดใจคือ อันดับ 9 Jeep Grand Cherokee โฉมใหม่ หากย้อนกลับไปดูรายชื่อรถยนต์ที่ลูกค้าต้องประจำเดือนกรกฎาคม 2009 พบว่ามันเป็นรถที่ไม่มีใครรักเอาเสียเลยเพราะมันอยู่ลำดับที่ 63 ผลต่างจากปีนี้ด้วยสิ้นเชิง
ใครบอกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกามีจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสูงเห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว