Mercedes-Benz ได้เปิดตัว The New EQE รถยนต์ไฟฟ้า BEV Executive Sedan ตระกูล Mercedes-EQ ในงาน Media Night ซึ่งจัดขึ้นก่อนวันเปิดงาน IAA Mobility 2021 ที่จัดขึ้นในเมือง Munich ประเทศเยอรมันนี นี่เป็นหนึ่งในรถยนต์ EV ใหม่ 5 รุ่นรถยนต์ที่ถูกเปิดตัวในงานดังกล่าวนี้

Mercedes EQE เป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ซึ่งใช้พื้นฐานเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz EVA2 ตามหลังจาก Mercedes-Benz EQS โดย EQE นั้น จะเป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า และมีความปราดเปรียวมากกว่า โดยที่กำหนดการการเปิดตัว Global Launch ของ EQE จะเกิดขึ้นในกลางปี 2022 ซึ่งเวอร์ชั่นตลาดโลกจะถูกผลิตในประเทศเยอรมันนี ในขณะที่เวอร์ชั่นจีนแผ่นดินใหญ่จะถูกผลิตในโรงงานที่เมืองปักกิ่ง

มิติตัวถัง

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,946 x 1,961 x 1,512 มิลลิเมตร (สเปคอเมริกาจะมีความยาว 4,995 มิลลิเมตร)
  • ระยะฐานล้อ 3,120 มิลลิเมตร

มิติตัวถังของ Mercedes-Benz EQE นั้น จะมีความใกล้เคียงกับ Mercedes-Benz CLS เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มีความยาวน้อยกว่า 42 มิลลิเมตร ความกว้างมากกว่า 71 มิลลิเมตร และความสูงมากกว่า 77 มิลลิเมตร ในขณะที่ระยะฐานล้อนั้นมากกว่ากันถึง 182 มิลลิเมตร อันเป็นผลพวงจากการใช้พื้นฐาน EVA2 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ EV โดยเฉพาะ จึงสามารถนำเอาล้อไปอยู่ในตำแหน่งมุมสุดของตัวรถได้

ด้วยพื้นฐานของตัวรถที่ทำมาเพื่อการเป็นรถ EV โดยเฉพาะ ภายในของ Mercedes-Benz EQE นั้น มีความกว้างขวางสะดวกสบายกว่ารถยนต์ที่ใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์สันดาป ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Mercedes-Benz CLS-Class และ E-Class อย่างชัดเจน

ตัวถังของ Mercedes-Benz EQE นั้นมีพื้นฐานธีมการออกแบบ Sensual Purity เช่นเดียวกับรถ Mercedes-Benz รุ่นอื่น ๆ ซึ่งทำให้ดีไซน์ถูกทำให้มีรอยต่อน้อยที่สุด ระยะ Overhang ทั้งหน้าและหลังนั้นสั้น ด้านข้างของตัวรถในบริเวณส่วนท้ายมีการตีโป่งนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน ดีไซน์ด้านท้ายเป็นแบบ Fastback และมีการขึ้นรูปสปอยเลอร์รวมกับฝาท้าย อีกทั้งประตูเป็นแบบไม่มีขอบกระจก โดยภาพรวมแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า Mercedes-Benz EQE เน้นดีไซน์ความสปอร์ตเป็นสำคัญ

กระจังหน้าเป็นแบบ Black Panel ไฟหน้าแบบมาตรฐานเป็นชนิด LED โดยที่ไฟหน้า Digital นั้นเป็นตัวเลือกเสริม ในขณะที่ไฟท้ายนั้นเป็นแบบ LED

ภายในของ Mercedes-Benz EQE ดีไซน์มีความคล้ายกับภายในของ EQS มาก มีพื้นฐานแนวคิดจากการ Digitalisation ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นหน้าจอ MBUX Hyperscreen ที่เป็นตัวเลือกเสริม แผงหน้าปัดและคอนโซลถูกผสานรวมกันเป็นชิ้นเดียว จนเหมือนกับเป็นจอ Widescreen ขนาดยักษ์ ซึ่งสามารถควบคุมระบบเพื่อความบันเทิง และระบบ HVAC ได้ โดยภายในนั้นมีตัวเลือกหลัก 2 แบบ แบบ Electric Art ซึ่งเน้นความหรูหรา และแบบ AMG Line ซึ่งเน้นความสปอร์ต

ขุมพลังของ Mercedes-Benz EQE นั้น ในตอนแรกจะมีให้เลือก 2 แบบ ประกอบด้วยแบบ EQE350 ซึ่งได้มีการเผยรายละเอียดมาแล้ว และยังมีการวางแผนที่จะเปิดตัวรุ่นประสิทธิภาพสูงซึ่งจะมีการเผยรายละเอียดในอนาคต

Mercedes-Benz EQE 350

แบตเตอรี่ความจุ 90 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ชนิด Permanent Agitated Synchronous กำลังสูงสุด 288 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 545-660 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และ ชาร์จไฟแบบ DC Charging นาน 32 นาที ชาร์จไฟ DC Charging 15 นาที วิ่งได้ 250 กิโลเมตร ชาร์จไฟ AC 11 kW ใช้เวลา 8.25 ชั่วโมง 22 kW ใช้เวลา 4.25 ชั่วโมง

แบตเตอรี่ของ Mercedes-Benz EQE นั้น ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลัก จึงมีการลดปริมาณ Cobalt จึงทำให้แบตเตอรี่สามารถรีไซเคิ้ลได้มากขึ้น และ Mercedes-Benz EQE สามารถอัพเดทระบบแบบ OTA (Over-the-air Update) ได้เช่นเดียวกับรุ่น EQS

ในอนาคตจะมีการเพิ่มรุ่น Performance ซึ่ง Mercedes-Benz ตั้งเป้าว่าจะมีพละกำลังกว่า 680 แรงม้า และรุ่น 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งใช้เพลาหน้าแบบ eATS

ช่วงล่างของ Mercedes-Benz EQE อิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบ 4-Link และด้านหลังเป็นแบบ Multi-link ซึ่งมีดีไซน์ที่คล้ายกับของ Mercedes-Benz S-Class และมาพร้อมกับระบบเลี้ยวล้อหลังได้สูงสุดถึง 10 องศา ซึ่งช่วยให้การขับขี่ในเมืองสะดวกยิ่งขึ้น และช่วงล่างยังมาพร้อมกับโช๊คอัพ Adaptive ADS+ และสปริงลมแบบ AIRMATIC เพื่อความสบาย และความมั่นคงในการขับขี่

นอกเหนือจากการออกแบบซึ่งคำนึงถึงความปลอดภัยแบบ Passive Safety ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างตัวถัง และการเหนี่ยวรั้งผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ  ยังมีระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety เช่น ระบบตรวจจับและเตือนผู้ขับขี่เมื่อเหนื่อยล้า Attention Assist ที่ใช้งานร่วมกับหน้าจอ MBUX Hyperscreen

สิ่งที่หลายคนยังกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า คือความปลอดภัยจากไฟฟ้าแรงสูงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ Mercedes-Benz EQE มีระบบป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูงของแบตเตอรี่ เช่น การแยกสายไฟขั้วบวกขั้วลบออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ใช้ตัวถังเป็นกราวด์ การตรวจจับสภาพและค่าของแบตเตอรี่ตลอดเวลา ระบบการตัดไฟเมื่อเกิดอุบัติเหตุอัตโนมัติ และโครงสร้างตัวถังที่ปกป้องระบบไฟแรงสูงเอาไว้

ระบบความปลอดภัย Active Safety ที่โดดเด่น

  • ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
  • ระบบตรวจจับสมาธิของผู้ขับขี่ Attention Assist
  • ระบบตรวจจับป้ายบนถนน Traffic Sign Assist
  • ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Assist
  • ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping Assist
  • ระบบรักษาระยะระหว่างรถคันหน้า Active Distance Assist DISTONIC
  • ระบบช่วยในการเปลี่ยนเลน Active Lane Change Assist
  • ระบบช่วยหักพวงมาลัย Active Steering Assist
  • ระบบช่วยหักหลบ Evasive Steering Assist
  • กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา

ที่มา : Daimler