แม้จะมีแนวคิดที่ดี และมีกระแสตอบรับที่น่าพอใจ แต่ Tesla Motors ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่
ภายใต้วิสัยทัศน์และกุมบังเหียนโดย Elon Musk ยังคงมีเรื่องให้ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดพอสมควร
เพราะล่าสุดเสียงบประมาณเพื่อใช้จ่ายในบริษัทมาก จนตอนนี้ทำให้เข้าเนื้อตัวเอง และขาย Tesla Model S
ขาดทุนอย่างน้อย 4,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท/คัน เลยทีเดียว
ข่าวนี้ มาจากการส่งเอกสารรายงานผู้ถือหุ้น โดยในเอกสารระบุว่า Tesla Motors มีเงินสดของบริษัท
เหลือเพียง 1.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากปีก่อนที่ยังมีอยู่ 2.67 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังรายงานว่า
Tesla Motors ขาดทุนประมาณ 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ซึ่งเงินสดที่ลดลงและผลประกอบการที่ขาดทุนนี้เป็นผลจากค่าใช้จ่ายภายในบริษัท ทั้งการซื้อเครื่องมือประกอบ
รถยนต์ เครื่องจักรผลิตแม่พิมพ์พลาสติกรวมไปถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการทดสอบเพื่อความปลอดภัยของตัวรถ
และทดสอบเพื่อผ่านมาตรการไอเสียต่างๆ ฯลฯ
เมื่อคำนวณกับจำนวน Tesla Model S ที่จำหน่ายได้ 11,532 คันในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้พบว่า Tesla
กำลังเข้าเนื้อตัวเอง ขาย Model S ขาดทุนตกคันละ 4,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท
สาเหตุของวิกฤตการเงินของ Tesla Motors ในช่วงนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าเป็นช่วงสำคัญของบริษัท
ซึ่งนอกจาก Model S จะขายในย่านราคาที่สูงจนคนทั่วไปเอื้อมถึงได้ยากแล้ว (เริ่มต้น 70,000 เหรียญสหรัฐฯ
ซึ่งสูงกว่าราคาเริ่มต้นของ Mercedes-Benz E-Class ในสหรัฐอเมริกา) ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ Tesla Motors
ต้องลงทุนพัฒนา Model X รถตรวจการณ์ไฟฟ้ารุ่นแรกของตน และยังมี Model 3 รถไฟฟ้าราคาต่ำกว่า Model S
ที่ต้องพัฒนาให้เสร็จอีก ยังไม่รวมถึงการลงทุนสร้างโรงงาน Gigafactory ที่สร้างเพื่อผลิตแบตเตอรี่ Li-ion
โดยเฉพาะ
นั่นทำให้ Tesla Motors วางแผนระดมทุนเพิ่มต่อไป และมีความมั่นใจว่า ทั้ง Model X ที่ใกล้จะจำหน่ายเร็วๆนี้
และ Model 3 ที่จะเปิดตัวในอีก 2 ปีข้างหน้า จะต้องขายดี และช่วยทำให้สถานการณ์การเงินของ Tesla ดีขึ้นแน่นอน
โดยในปีนี้ Tesla หวังว่า Model X จะช่วยให้ตนเองขายรถถึงเป้า 55,000 คันได้ โดน Elon Musk กล่าวว่า
ภายในปีหน้า Tesla จะมีสถานการณ์ทางการเงินที่มั่นคง และเริ่มทำกำไรได้ จากการลงทุนที่เกิดขึ้นแน่นอน
ที่มา : Automotive News