(ภาพ เครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid 48 โวลต์)

 

Mazda ได้ประกาศนโยบาย การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2021 โดยตั้งชื่อว่า Sustainable Zoom-Zoom 2030 มีจุดประสงค์ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2050 และ นโยบายที่ประกาศนี้เป็นการดำเนินงานระยะกลางถึงปี 2030 แบ่งได้ 5 ส่วน และสรุปได้ดังนี้

  1. การเก็บสะสมเทคโนโลยีและนำมาปรับใช้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
  • เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2007 กับเทคโนโลยี SKYACTIV เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน และ พ่วงระบบไฟฟ้าพื้นฐานเข้ากับขุมพลัง
  • พัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไป ทั้งเทคโนโลยี SKYACTIV-X และ เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ platform แบบ SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture โดยเครื่องยนต์วางขวางใช้กับรถยนต์ขนาดเล็ก ส่วนเครื่องยนต์วางตามยาวใช้กับรถยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งนี่จะรองรับการพ่วงระบบไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และกฎเกณฑ์ในแต่ละตลาด
  • บริษัทจะเปิดตัว platform ชื่อ SKYACTIV EV Scalable Architecture สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยเฉพาะ ภายในปี 2025 รองรับการปรับให้เข้ากับรถยนต์หลายขนาด และรูปแบบตัวถัง
  • กลยุทธ์ทั้งหมดเหล่านี้จะนำไปสู่ การก้าวเข้าสู่ยุคระบบไฟฟ้าเต็มตัว ร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจต่อไป

(ภาพ เครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid)

 

  1. ส่งเสริมการนำระบบไฟฟ้ามาใช้ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่
  • ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture จะเปิดตัวในญี่ปุ่น, ยุโรป, สหรัฐฯ, จีน และ อาเซียน ระหว่างปี 2022 – 2025 โดยจะประกอบไปด้วย รถยนต์ Hybrid 5 รุ่น (ไม่รวม Mild Hybrid แต่รวมรุ่นที่ใช้ขุมพลัง THS จาก Toyota), รถยนต์ Plug-in Hybrid 5 รุ่น และ รถยนต์ไฟฟ้า EV 3 รุ่น
  • จะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ platform แบบ SKYACTIV EV Scalable Architecture เปิดตัวหลายรุ่นในปี 2025 – 2030
  • จากแผนการนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า Mazda จะมีรถยนต์ที่พ่วงระบบไฟฟ้าเข้าขุมพลังครบ 100% ในรถยนต์ทุกรุ่น และ มีสัดส่วน EV คิดเป็น 25% ในปี 2030
  1. ส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีมนุษย์เป็นที่ตั้ง เพื่อนำไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ
  • บริษัทกำลังพัฒนา Mazda Co-pilot Concept ระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่มีมนุษย์เป็นที่ตั้ง
  • ระบบ Mazda Co-pilot จะตรวจสอบการตอบสนองของมนุษย์อยู่เสมอ หากพบความผิดปกติ ระบบขับขี่อัตโนมัติจะทำงาน พร้อมนำรถยนต์เข้าจอดในจุดปลอดภัย และโทรขอความช่วยเหลือ ในช่วงแรกบริษัทจะเปิดตัว Mazda Co-pilot 0 โดยวางแผนติดตั้งในรถยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 2022

 

(ภาพ เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid 48 โวลต์)

 

  1. พัฒนาเทคโนโลยีระบบเชื่อมต่อและ software เพื่อบริการขนส่งในอนาคต
  • บริษัทตั้งใจที่จะพัฒนา software ให้รองรับบริการขนส่ง Mobility as a Service (Maas) และ การ update รถยนต์แบบ Over the Air (OTA)
  • Mazda ร่วมมือกับ Suzuki, Subaru, Daihatsu และ Toyota เพื่อพัฒนาระบบเชื่อมต่อภายในรถยนต์ที่ปลอดภัย และลดความเครียดจากการใช้งาน
  • บริษัทจะมุ่งพัฒนากระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างภายในและภายนอกรถยนต์ ให้ทำงานได้ไวขึ้น
  1. ปรัชญาแห่งการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นที่ตั้ง นิยามโดยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ และ CASE*
  • Sustainable Zoom-Zoom 2030 มีศูนย์กลางสามจุด ประกอบด้วย โลก, สังคม และ มนุษย์ โดยใช้ปรัชญาแห่งการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นที่ตั้ง เพื่อนำไปสู่สังคมปลอดคาร์บอนและ CASE* ที่กำลังมานิยามอุตสาหกรรม
  • Mazda ตั้งเป้าที่จะสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเห็นอกเห็นใจกัน ด้วยการสร้างยานพาหนะที่สนับสนุนมนุษย์ อย่างเต็มศักยภาพ

(ภาพ เครื่องยนต์โรตารี่ พร้อมเทคโนโลยีพ่วงระบบไฟฟ้า)

 

*CASE ย่อมาจาก

  • C = Connected cars (รถยนต์ที่มีระบบเชื่อมต่อ)
  • A = Autonomous driving (ระบบขับขี่อัตโนมัติ)
  • S = Shared / Services (การแบ่งปัน / บริการ)
  • E = Electrification (การนำระบบไฟฟ้า มาใช้เป็นขุมพลัง)

 

ที่มา: Mazda