Mercedes EQS เป็นรถยนต์หรูขนาดใหญ่คันแรกของ ค่ายดาวสามแฉกภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ใช้ขุมพลัง EV และ ใช้ platform พิกัด executive-class ผสานเทคโนโลยีที่ดีทุกสุดทุกด้าน เพื่อประโยชน์ของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2021

ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้

Mercedes EQS

  • ยาว  5,216 มิลลิเมตร
  • กว้าง  1,926 มิลลิเมตร
  • สูง  1,512 มิลลิเมตร



Mercedes EQS มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.20 Cd ถือเป็นรถยนต์ Production ที่มี Aerodynamics ดีที่สุด ซึ่งการลู่ล่มไม่ได้ช่วยให้ประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังลดเสียงลมด้วย ด้านการออกแบบยังใช้ปรัชญา Sensual Purity กระจังหน้าเป็นแบบ Black Panel รับกับไฟหน้า Digital Light ทรงเพรียว มุมมองด้านข้างออกแบบมาให้ตัวถังดูพุ่งไปข้างหน้า ส่วนด้านท้ายเป็นแบบ fastback

การเข้าห้องโดยสารทำได้ด้วยประตูเปิดอัตโนมัติ Comfort Doors ที่จะยกระดับมือเปิดประตูขึ้นมาเอง เมื่อผู้ขับขี่เดินเข้ามา และเมื่อเข้ามาใกล้กว่าขึ้นอีก ประตูจะเปิดให้เองโดยอัตโนมัติ ทั้งยังตั้งค่าให้เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารเองได้ด้วย ระบบปรับอากาศมีกรองอากาศ HEPA ที่สามารถกรองแบคทีเรียและไวรัสได้ เครื่องเสียงเป็นของ Burmester ทั้งยังมีระบบ MBUX Hyperscreen พร้อมหน้าจอโค้ง OLED ขนาด 12.3 นิ้ว


ขุมพลังของ Mercedes EQS เป็นระบบไฟฟ้า 100% BEV มีให้เลือกสองแบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

EQS 450+

แบตเตอรี่ความจุ 107.8 kWh และ มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 770 กิโลเมตร และ ชาร์จไฟแบบ DC Charging นาน 15 นาที เพื่อให้ขับขี่ไปได้สูงสุด 300 กิโลเมตร หรือ ชาร์จจากระดับไฟในแบต 10 – 80% ใน 31 นาที

EQS 580 4MATIC

แบตเตอรี่ความจุ 107.8 kWh และ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 855 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชาร์จไฟแบบ DC Charging นาน 15 นาที เพื่อให้ขับขี่ไปได้สูงสุด 280 กิโลเมตร หรือ ชาร์จระดับไฟในแบตเตอรี่จาก 10 – 80% ในเวลา 31 นาที

Mercedes EQS จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกของค่ายที่รองรับระบบ OTA (over-the-air update) หรือ การอัพเดทผ่านระบบออนไลน์ที่มีผลกับหลายระบบของรถยนต์ รวมไปถึงระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่เดิมเลี้ยวได้ 4.5 องศา แต่หากปลดล็อคผ่านระบบ OTA ในภายหลัง องศาจะเพิ่มเป็น 10 องศา ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่โดดเด่นมีดังนี้

  • INTELLIGENT PARK PILOT รถยนต์วิ่งไปหาที่จอดเอง เช่นเดียวกับบริการ Valet หากสาธารณูปโภครองรับ
  • DRIVE PILOT ระบบขับขี่อัตโนมัติ ภายใต้สภาวะจราจรหนาแน่น จนถึงความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยระหว่างนี้ผู้ขับขี่สามารถทำอย่างอื่นได้ เช่น เช็ค e-mail
  • ATTENTION ASSIST ระบบตรวจจับสภาพผู้ขับขี่ โดยประเมินจากการเคลื่อนไหวเปลือกตาผู้ขับขี่

ที่มา : Daimler